ในยุคที่ทุกธุรกิจหรือทุกองค์กร ให้ความสำคัญการกับทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นอันดับต้น ๆ ของเครื่องมือค้นหาอย่าง Google ซึ่งแน่นอนว่าการทำ SEO มีการแข่งขันสูงและมีอุปสรรคมากมาย ส่งผลทำให้ผู้ที่จัดทำ SEO ต้องมองหาเครื่องมือช่วยทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อให้มีการทำงานที่แสนจะง่ายดาย ลดความซับซ้อนและลดขั้นตอนการทำงาน
ดังนั้นหากใครที่กำลังมองหาเครื่องมือช่วยทำ SEO ในบทความนี้จะมาพูดถึง 10 เครื่องมือ SEO ที่คุณไม่ควรพลาด! รับรองได้เลยค่ะว่า ทั้งเครื่องมือหา Keyword จัดทำโครงสร้างเว็บ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เว็บติดอันดับต้น ๆ บนหน้า Google เครื่องมือจะตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีเครื่องมืออะไรบ้างนั้น Search Studio จะมาเล่าให้ฟังค่ะ
แนะนำ 10 เครื่องมือช่วยทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับ
1. Google Analytics

Google Analytics เป็นเครื่องมือช่วยทำ SEO ที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนที่ทำงานในวงการ SEO เพราะการใช้งานเครื่องมือนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณได้ดีขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้มีคนเข้ามายังเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของคุณได้เช่นกัน
โดย Google Analytics สามารถใช้งานได้ฟรี จะแสดงข้อมูลได้มากมาย เช่น Organic Search, Users, Sessions, Pageview, Bounce Rate, Exit Rate, หรือ Avg. Time on Page และอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญ เพื่อวิเคราะห์ว่าผู้ใช้งานหรือผู้ค้นหาใช้ Keyword อะไรในการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ
2. Google Search Console

Google Search Console หรือเครื่องมือควบคุมการค้นหาของ Google มีหน้าที่ในการตรวจสอบสถานะ และปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหาของ Google ซึ่งคุณสามารถรับรู้ข้อมูลจากเครื่องมือนี้ ได้แก่ ปริมาณการคลิก อัตราการคลิกเฉลี่ย (CTR) คำค้นหายอดนิยม และตำแหน่งเฉลี่ยในหน้าผลการค้นหา (SERP)
นอกจากนี้ Google Search Console ไม่เพียงแต่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำค้นหาที่นำผู้ใช้มายังเว็บไซต์ของคุณ แต่ยังช่วยในการตรวจสอบความเร็วในการโหลดของเว็บไซต์ และจัดการ Sitemap อีกทั้งยังระบุปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ SEO ที่จะอาจมีผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ได้อีกด้วย
3. Google Keyword Planner

Google Keyword Planner หรือเครื่องมือวางแผนคำค้นหาของ Google เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ Keyword ฟรี ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการวิเคราะห์และเลือกคำค้นหาที่เหมาะสม สำหรับแคมเปญโฆษณา AdWords หรือเนื้อหา SEO ซึ่งเครื่องมือนี้ไม่เพียงแต่แสดงคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง แต่ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการค้นหา ราคาประมูลเฉลี่ย และแสดงความยากง่ายของ Keyword นั้น ๆ เพื่อนำไปใช้ในการจัดทำ Content ได้มีประสิทธิภาพ
โดยรวมแล้ว Google Keyword Planner เหมาะสำหรับการจัดทำแคมเปญโฆษณา แต่ผู้จัดทำ SEO ก็สามารถนำมาประยุกต์ได้ เพียงเลือก Keyword ที่เหมาะสม จากนั้นนำไปจัดทำ Content ผ่าน Blog Post ช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มลูกค้าเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณผ่านคำค้นหาได้นั่นเอง
4. SEMrush

SEMrush คือ เครื่องมือช่วยทำ SEO โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลได้ทั้งฝั่งตนเองและคู่แข่ง ซึ่งสามารถเรียกดูข้อมูล Keyword และ Backlink ของคู่แข่ง เพื่อให้คุณปรับโครงสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพการทำเว็บไซต์ให้ดีขึ้น สามารถเอาชนะเหนือคู่แข่ง
นอกจากนี้ SEMrush เป็นเครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ง่าย และมีความแม่นยำในข้อมูล พร้อมกับมีคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์และปรับปรุงการทำ SEO ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ส่งผลให้คุณมีเว็บไซต์ที่ชนะคู่แข่ง และขึ้นอันดับต้น ๆ ของหน้า Google ได้อีกด้วย
5. MOZ Pro

MOZ Pro เป็นเครื่องมือช่วยทำ SEO ที่ครบวงจร และมีการวิเคราะห์คุณภาพของเว็บไซต์ทั้ง Domain Authority และ Page Authority ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินคุณภาพของเว็บ อีกทั้งยังนำไปปรับปรุงหรือจัดทำ Backlink ได้เช่นกัน
ยังไม่พอเพียงเท่านี้ MOZ Pro ยังสามารถนำเสนอข้อมูลในเชิงลึก เช่น คะแนนความยากในการแข่งขันของคำค้นหา (Difficulty Score), ปริมาณคำค้นหา (Volume Score), และคะแนนความเป็นไปได้หรือโอกาสทางธุรกิจของคำค้นหา (Opportunity Score) จึงเป็นเครื่องมือที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว
6. Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการทำ SEO ที่ครอบคลุมการใช้งานด้านต่าง ๆ ของคนทำ SEO ไว้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Keyword Analysis, Backlink Analysis, Competitor Analysis และการทำ Website Audit ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้เว็บของคุณติดอันดับบน Google ได้ง่ายยิ่งขึ้น
อีกทั้ง Ahrefs สามารถตรวจสอบเว็บของคู่แข่งได้อีกด้วยว่า มี Keyword ใดที่มีการค้นหามากที่สุด และดูจำนวน Backlink หรือประสิทธิภาพของ Backlink เพื่อให้คุณปรับปรุง Content ให้มีศักยภาพมาก ส่งผลให้เว็บมี Traffic ที่ดี และช่วยให้ Google มองว่าเว็บของคุณมีคุณภาพ และจัดให้อยู่อันดับต้น ๆ ได้นั่นเอง
7. YoastSEO

YoastSEO เป็นปลั๊กอินที่ต้องติดตั้งไว้ใน WordPress ช่วยปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดทำ SEO โดยจะแนะนำโครงสร้างหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในเว็บ เพื่อให้คุณดำเนินการขั้นตอนได้ถูกต้องตามหลัก SEO และจะมี Checklist เพื่อแสดงว่า Content ที่คุณทำอยู่ ถูกต้องตามหลัก SEO หรือไม่ ซึ่งจะแสดงในรูปแบบไฟสีแดง สีเหลือง และสีเขียว หากขึ้นสีแดง นั้นหมายความว่าคุณต้องปรับปรุงให้ตรงกับ SEO มากที่สุด
ทั้งนี้ YoastSEO ยังมีฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยในการปรับแต่ง SEO ด้าน Technical ให้ดีขึ้น เช่น Title, Meta Description, Slug หรือแม้แต่การใส่รูปภาพ เช่น Featured images, Alt text เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Readability เพื่อเป็นแนวทางให้คุณเขียน Content หรือจัดทำ Blog ให้ลื่นไหล และผู้อ่านทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
8. Screaming Frog SEO Spider

Screaming Frog SEO Spider อีกหนึ่งเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้เชี่ยวชาญ SEO และนักการตลาดออนไลน์ ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภายในเว็บไซต์แบบ Real-Time และสามารถระบุปัญหาในการจัดทำ SEO เช่น ลิงก์เสีย มีข้อมูลหรือเนื้อหาซ้ำกันภายในเว็บ และอื่น ๆ อีกมากมาย
Screaming Frog เหมาะสำหรับ Digital Marketing, SEO Specialist, Web Developer และผู้ที่มีความรู้ด้าน SEO เพื่อช่วยในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะเหมาะกับผู้ที่มีความรู้และทักษะ เพราะการใช้งานมีขั้นตอนที่ซับซ้อนอยู่พอสมควร
9. Ubersuggest

Ubersuggest เดิมทีเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ Keyword Research เท่านั้น แต่ปัจจุบัน Neil Patel ก็ได้พัฒนา เพิ่มฟีเจอร์ในการใช้งานอย่างเช่น Traffic Analyzer, SEO Analyzer เป็นต้น เพื่อช่วยให้ทำ SEO ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งช่วยเพิ่มยอดขาย และส่อง Keyword ของคู่แข่งได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Ubersuggest ได้กลายเป็นเครื่องมือจัดทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถช่วยวิเคราะห์เนื้อหา พร้อมประเมินคุณภาพ SEO บนเว็บไซต์ของคุณ และยังนำมาใช้เป็นแนวคิดในการผลิต Content ลงเว็บไซต์ให้มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะกับธุรกิจได้อย่างง่ายดาย
10. SEOQuake

SEOQuake คือ ปลั๊กอินที่สามารถติดตั้งใน Web Browser โดยออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้จัดทำ SEO และด้านการตลาดออนไลน์ วิเคราะห์คู่แข่งได้ง่าย เพื่อให้คุณปรับ Content ภายในเว็บไซต์ให้เหนือคู่แข่งได้ รวมถึงยังวิเคราะห์ SEO On-Page อาทิเช่น Meta Tag, จำนวน Keyword, Index และอื่น ๆ
อีกทั้งยังสามารถวิเคราะห์ Backlinks ที่คุณและคู่แข่งมี เพื่อ ช่วยให้คุณวางแผนสร้าง backlink ที่มีคุณภาพได้ดีขึ้น โดยสามารถติดตั้งเครื่องมือนี้ลงใน Google Chrome, Firefox และ Opera เพียงแค่ติดตั้งปลั๊กอิน คุณก็สามารถใช้งานได้ทันที
บทสรุป
การรู้จัก SEO Software และใช้เครื่องมือ SEO ที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับนักจัดทำ SEO เพราะเครื่องมือที่เราแนะนำมานั้น เป็นเครื่องมือช่วยทำ SEO ยอดนิยม ซึ่งแต่ละเครื่องมือมีคุณสมบัติและฟีเจอร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดอันดับของเว็บไซต์ ให้อยู่อันดับต้น ๆ ของ Google อีกทั้งไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาด, นักพัฒนาเว็บ, หรือบล็อกเกอร์ การใช้เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้คุณมีข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังมองหา Agency ที่รับจัดทำ SEO เราขอแนะนำนี่เลย “Search Studio” เพราะมีบริการจัดทำ SEO ที่ผสมผสานการใช้เครื่องมือหลาย ๆ ตัวเข้าด้วยกัน เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นอันดับต้น ๆ ของ Google สามารถติดต่อเราได้ที่ admin@searchstudio.co.th