สำหรับใครที่อยากเพิ่มอัตราคลิกเข้าเว็บไซต์หรือเพิ่มยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องติด Rich Snippets ด้วย แล้ว Rich Snippets คืออะไร มีกี่แบบ อยากติด Rich Snippets SEO ต้องทำอย่างไร? เราได้สรุปข้อมูลมาให้แล้ว
Rich Snippets คืออะไร
Rich Snippets คือ รูปแบบการแสดงผลการค้นหาของ Google ให้กับผู้ใช้ เมื่อก่อนจะอยู่ตำแหน่งบนสุดของหน้าค้นหา แต่ในปัจจุบันอาจอยู่ถัดลงมาจาก AI Overview แทน มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอข้อมูลที่กระชับ ทำความเข้าใจง่าย และให้คำตอบแก่ผู้ใช้งานได้เร็วที่สุด โดย Rich Snippets จะมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบจะเหมาะกับคีย์เวิร์ดที่แตกต่างกันไป เช่น การให้ข้อมูลทั่วไปจะมีลักษณะเป็นพารากราฟ ราคาสินค้าจะเป็นตาราง หรือการจัดอันดับจะเป็นแบบลิสต์รายการ (Listicle) เป็นต้น ส่วนข้อมูลที่ถูกเลือกมาแสดงผล จะเลือกจาก 1 เว็บไซต์ที่ Google คิดว่า “ให้คำตอบแก่ผู้ใช้งานได้ดีที่สุด” คนทำ SEO ทุกคนจึงอยากที่จะเห็นเว็บไซต์ของตนเองติด Rich Snippets นั่นเอง
ทำไมคนทำ SEO ต้องให้ความสำคัญกับ Rich Snippets
การที่เว็บไซต์ของคุณติด Rich Snippets หรืออันดับบนสุดของหน้าค้นหา จะได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้งานทั่วไปอย่างมาก เพราะเป็นหน้าที่ถูกคัดเลือกจาก Google มาแล้วว่า ให้คำตอบได้ดีและตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหาของผู้ใช้งาน (Search Intent) มากที่สุด และที่สำคัญ ยังช่วยเพิ่มการมองเห็น กระตุ้นให้เกิดอัตราการคลิกเข้าเว็บไซต์ (Click Through Rate : CTR) และยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้การจะติด Rich Snippets ยังไม่จำเป็นต้องไต่อันดับขึ้นมาเรื่อย ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์เก่าที่มีอายุมาหลายปีแล้วหรือเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดใหม่ ถ้าทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและตอบคำถามให้กับผู้ใช้ได้ดี ก็ล้วนมีโอกาสอยู่ใน Rich Snippets นี้ได้ทั้งนั้น จึงมีความสำคัญกับการทำ SEO อย่างมาก
Rich Snippets มีกี่แบบ
ในปัจจุบัน Rich Snippets ที่ Google รองรับมี 31 ประเภท แต่ไม่ใช่ทุกประเภทที่จะถูกแสดงผลบนเว็บไซต์ของแต่ละประเทศ เนื่องจากแต่ละประเทศจะมีความนิยมและจุดประสงค์ในการค้นหาที่แตกต่างกันไป โดยที่ประเทศไทย Rich Snippets ที่เราพบได้บ่อย ๆ จะมีอยู่ 6 แบบ ดังนี้
1. Featured Snippet
Featured Snippet เป็น Rich Snippets ที่พบได้บ่อยที่สุด และหลายคนนิยมเรียกว่า “อันดับศูนย์” โดยจะอยู่ตำแหน่งบนสุดของหน้าค้นหา และแสดงผลชุดคำตอบเป็นพารากราฟ 1 ย่อหน้า และอาจมีภาพประกอบด้านข้าง 1-3 ภาพ และไฮไลท์ หรือเน้นตัวหนาที่เป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งผู้ใช้ก็จะสามารถเข้าใจคำตอบเบื้องต้นได้ทันที
2. FAQ Snippet
FAQ Snippet เป็นการแสดงผลการค้นหาในรูปแบบคำถามที่พบบ่อย (FAQ) โดยจะแสดงผลเป็นรูปแบบตาราง ผู้ใช้สามารถกดตรงหัวข้อคำถามที่สนใจเพื่อดูคำตอบได้เลย ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณ People also ask มีประมาณ 4 – 6 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อจะถูกดึงมาจากเว็บไซต์อะไรก็ได้
3. Review Snippet
Review Snippet เป็นการแสดงผลเรตติ้งบนหน้าเว็บไซต์ในรูปแบบคะแนนจากผู้ใช้ (Individual reviews) และคะแนนจากผู้เขียนเนื้อหา (Aggregate reviews) โดยจะมีลักษณะเป็นรูปดาวและคะแนนเฉลี่ย และจะอยู่ที่ด้านล่างของ Meta Description มักพบในหน้าบริการ ผลิตภัณฑ์ หรือร้านอาหาร เพราะสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์และเพิ่ม CTR ได้มากขึ้น
4. Product Snippet
Product Snippet จะเป็นการแสดงผลการค้นหาของ “ผลิตภัณฑ์” หรือ “สินค้า” โดยข้อมูลอาจประกอบไปด้วย ภาพสินค้า ชื่อสินค้า รายละเอียดทั่วไปของสินค้า ราคา รีวิว และสถานะสินค้า ซึ่งผู้ใช้สามารถเปรียบเทียบข้อมูลเบื้องต้นบนหน้าค้นหา แล้วค่อยกดเข้าไปดูเว็บไซต์ที่ตนเองสนใจได้เลย
5. Local Business Snippet
Local Business Snippet เป็นการแสดงผลการค้นหาแบบแสดงโลเคชัน โดยจะดึงข้อมูลมาจาก Google My Business (GMB) โดยข้อมูลอาจจะประกอบไปด้วยภาพสถานที่ ชื่อร้านค้า เรตติ้ง ราคาเบื้องต้น สถานที่ตั้ง รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง วันและเวลาที่ให้บริการ และเบอร์โทรศัพท์ จัดเป็นหนึ่งในการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้งาน และเพิ่มโอกาสให้คนค้นพบธุรกิจคุณมากขึ้น
6. Video Snippet
Video Snippet เป็นการแสดงผลการค้นหาในรูปแบบภาพขนาดย่อของวิดีโอ พร้อมชื่อคลิปและคำอธิบายสั้น ๆ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกดดูได้เลย โดยไม่ต้องกดออกจากหน้าค้นหา เหมาะสำหรับการทำคลิปรีวิวสินค้า รีวิวบริการ หรือคลิปขั้นตอนการทำ (How To) ต่างๆ
5 เทคนิคทำคอนเทนต์ให้ติด Rich Snippets SEO
ในปัจจุบันยังไม่มีการประกาศจาก Google แน่ชัดว่าต้องทำยังไงถึงจะติด Rich Snippets แต่โดยทั่วไปแล้ว หากอยากทำ Rich Snippets SEO ให้ประสบความสำเร็จ คุณจะต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคการทำคอนเทนต์เหล่านี้
1. ทำ Keyword Research ให้ตรงกับ Search Intent
เช่น คีย์เวิร์ดคำว่า “Rich Snippets คือ” ก็ควรเขียนบทความแบบให้ข้อมูล หรือคีย์เวิร์ดคำว่า “รับทำ SEO” ก็ควรเป็นหน้าบริการที่มีการให้ข้อมูลสินค้า ขั้นตอน และแพ็กเกจราคาชัดเจน เป็นต้น
2. เขียนคอนเทนต์โดยให้ความสำคัญกับ E-E-A-T และ YMYL
E-E-A-T และ YMYL เป็นเกณฑ์ที่ Google ใช้ประเมินคุณภาพของเนื้อหาและเว็บไซต์ โดย E-E-A-T ย่อมาจาก Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness ใช้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ทั่วไป ส่วน YMYL จะย่อมาจาก Your Money or Your Life เป็นเกณฑ์สำหรับเว็บไซต์ด้านสุขภาพ การเงิน ความเชื่อ และความปลอดภัยโดยเฉพาะ คอนเทนต์ในด้านนี้ จึงต้องได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษ มีความถูกต้อง ไม่เป็นคอนเทนต์หลอกลวงหรือชักจูงไปในทางที่ผิด
3. เขียนเนื้อหาให้ตรงกับรูปแบบ Rich Snippets ที่ต้องการติด
ถ้าอยากติด Featured Snippet คำว่า “Rich Snippets คือ” ก็ควรเขียนอธิบายให้จบในพารากราฟเดียว หรือถ้าอยากติดแบบ FAQ ก็ควรเขียนเนื้อหาแบบถาม-ตอบ หรือถ้าอยากติดเป็นแบบจัดอันดับ ก็ควรเขียนบทความเป็น Listicle ไปเลย เป็นต้น
4. ทำ Technical SEO ให้เรียบร้อย
Technical SEO เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ Googlebot เข้ามาจัดเก็บข้อมูลไปจัดอันดับได้ง่ายขึ้น รวมถึงสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้ ยกตัวอย่างเช่น
- เนื้อหาต้องมี HTML Structure (H1, H2, H3)
- มี Focus Keyword กระจายอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ
- มี Title และ Meta Description
- เว็บไซต์ต้องเป็น HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure)
- เว็บไซต์ต้องมีความ SEO Friendly ทั้งเวอร์ชัน Desktop และ Mobile โดยจะต้องมีค่า Core Web Vital สีเขียว และแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว
- ทำ Sitemap และ Robots.txt ให้เรียบร้อย
5. ทำ Schema Markup
Schema Markup เป็นการทำ Technical SEO อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้ Googlebot เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์แม่นยำและติดอันดับได้ดีขึ้น โดยใช้เครื่องมือ Structured Data Markup Helper ของ Google สร้างชุดโค้ด HTML ออกมาแล้วนำไปวางบนเนื้อหา เพื่อจัดทำ Structured Data บอก Google ว่าเนื้อหาแต่ละส่วนคืออะไร
ตัวอย่าง Schema Markup
- Article Schema สำหรับเนื้อหาที่เป็นบทความ
- Carousel Schema สำหรับเนื้อหารายการสินค้าต่างๆ
Product Schema สำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ - How-To Schema สำหรับเนื้อหาที่เป็นวิธีทำหรือขั้นตอน
Review Schema สำหรับเนื้อหาบทความรีวิวหรือ - Testimonial โดยเฉพาะ
- FAQ Schema สำหรับเนื้อหาที่เป็นคำถามที่พบบ่อย
วิธีเช็กว่าเว็บไซต์ติด Rich Snippets SEO แล้วหรือยัง
วิธีเช็กว่าเว็บไซต์ติด Rich Snippets SEO แล้วหรือยัง สามารถเช็กได้ที่เว็บไซต์ https://search.google.com/u/1/test/rich-results ซึ่งเป็นเครื่องมือของ Google ที่ช่วยตรวจสอบว่า Rich Snippets ของคุณจะแสดงผลอย่างไร โดยสามารถ Copy URL ไปวาง แล้วทำการประมวลผลได้เลย
Rich Snippets PrestaShop คืออะไร
PrestaShop เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมทั่วโลก มีลักษณะการทำงานคล้ายๆ กับ CMS อย่าง WordPress หรือ WIX แต่ออกแบบมาสำหรับการสร้างร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะ มีจุดเด่นตรงที่ใช้งานง่าย รองรับหลายภาษา มีโมดูลและธีมให้เลือกเยอะ และมีฟังก์ชันครบครัน ทั้งการชำระเงิน จัดส่ง หรือจัดการคลังสินค้า แล้ว Rich Snippets PrestaShop คืออะไร? ก็คือการปรับปรุงเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์บน PrestaShop ให้ติด Rich Snippets บน Google โดยจะเน้นไปที่ Product Snippet เป็นหลัก ซึ่งเทคนิคการทำก็เหมือนทำบนเว็บไซต์ CMS ทั่วไปเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับ Rich Snippets ที่เรานำมาฝากในบทความนี้ หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยว่า Rich Snippets คืออะไร รวมถึงเทคนิคที่จะช่วยให้คุณทำ Rich Snippets SEO ได้แม่นยำ เขียนคอนเทนต์ได้ตรงจุด มีคุณภาพ ถูกหลัก SEO และทำให้เว็บไซต์ติด Rich Snippets แต่ละแบบมากขึ้น โดยเฉพาะการติด Featured Snippet ที่อยู่บนสุด เพื่อที่จะช่วยเพิ่มยอด CTR และ Traffic ได้อย่างก้าวกระโดด บริษัท SEO ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง Search Studio สามารถประยุกต์ใช้กลยุทธ์ SEO ที่ทันสมัยมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ เพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ขึ้นสู่หน้าแรกของ Google และเพิ่มโอกาสในการติด Rich Snippet ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
