ในการทำเว็บไซต์ โดยเฉพาะคนทำ SEO ยังมีเรื่องที่ต้องเข้าใจอยู่จำนวนไม่น้อย และครั้งนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Structured Data ที่เป็นอีกหนึ่งความสำคัญในการทำ SEO หากมีการป้อนข้อมูลเนื้อหาภายใต้รูปแบบ Structured Data ก็มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ค้นหาเจอเนื้อหานั้นได้ง่ายขึ้น ดังนั้น บความนี้เราพาไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่า Structured Data คืออะไรกันแน่ ไปดูกันเลย!
Structured Data คืออะไร?
Structured Data คือ ชุดข้อมูลที่มีโครงสร้างถูกต้อง รวมถึงมีการจัดเรียงตามแบบแผน ที่เป็นไปตามมาตรฐาน ให้ข้อมูลเนื้อหาเหล่านั้นกลายเป็นภาษากลาง ที่ทั้งคนและโปรแกรมต่างๆ สามารถอ่านและแปลความหมายได้ตรงกัน ส่วนใหญ่แล้ว Structured Data จะถูกจัดเก็บอยู่ใน Database
การใช้ Structured Data สำหรับ SEO
การใช้ Structured Data สำหรับ SEO คือต้องทำให้คนอย่างเราๆ นี่เองอ่านออก และต้องทำให้บอทหรือ AI อย่างเว็บ Search Engine อ่านออกด้วยเช่นกัน หมายความว่าทั้งคนและเว็บ Search Engine จะต้องเข้าใจในสิ่งที่คนทำ SEO สื่อออกมาด้วยใจความเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น คนทำ SEO อยากให้คนที่อยากรู้ว่า Structured Data คืออะไร มาเจอกับบทความของตน ก็ต้องเขียนบทความขึ้นมาให้อยู่ในลักษณะของ Structured Data ที่เป็นแบบแผนเดียวกันกับเว็บ Search Engine มีการวาง Keyword ที่เหมาะสม และมีการป้อนข้อมูลลงในระบบหลังบ้าน ที่ทำให้เว็บ Search Engine เข้าใจได้ว่าบทความนี้กำลังส่งข้อมูลเนื้อหาเกี่ยวกับ “Structured Data คืออะไร” นั่นเอง ช่วยให้คนเข้าถึงบทความได้มากขึ้น
ตรงกันข้ามหากคนทำ SEO ไม่ได้ใช้หลักการเดียวกันกับ Structured Data หรือข้อมูลที่มีโครงสร้าง
กล่าวคือมีการเขียนเนื้อหาที่ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีการป้อน Keyword ที่ชัดเจน เขียนเนื้อหาไปตามความรู้สึกอย่างเดียว ไม่ใส่คำค้นยอดนิยม ไม่เน้นย้ำคำค้นยอดนิยม และไม่มีการจัดวางตามแบบแผน ก็อาจทำให้เว็บ Search Engine ไม่เข้าใจในสิ่งที่คนทำ SEO ต้องการจะสื่อ และแน่นอนว่าบทความนั้นก็ยากจะถูกค้นเจอบนเว็บ Search Engine ทำให้การใช้ Structured Data สำหรับ SEO ถือเป็นเรื่องสำคัญมากพอสมควร
ความแตกต่างระหว่าง Structured Data และ Unstructured Data
เมื่อพูดถึงความแตกต่างระหว่าง Structured Data และ Unstructured Data หากพูดง่ายๆ ก็คือ Structured Data เป็น “ข้อมูลที่มีโครงสร้าง” ส่วน Unstructured Data เป็น “ข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง” สิ่งที่ใช้วัดว่าข้อมูลเนื้อหานั้นมีหรือไม่มีโครงสร้างก็คือ Data Model
โดย Structured Data หรือข้อมูลที่มีโครงสร้าง จะมีโครงสร้างตามมาตรฐานของ Data Model ส่วน Unstructured Data หรือข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง จะไม่มีโครงสร้างตามมาตรฐานของ Data Model เมื่อไม่มีโครงสร้างตามมาตรฐานที่วางไว้ ก็ทำให้โปรแกรมหรือ AI ไม่สามารถอ่านหรือประมวลผลได้
ยกตัวอย่าง Structured Data มักเป็นข้อมูลในรูปแบบของไฟล์ Excel หรือ CSV เช่น ชื่อ, อายุ, น้ำหนัก, ส่วนสูง ส่วน Unstructured Data จะเป็นรูปแบบของวิดีโอ, รูปภาพ, รายงาน, ผลสำรวจ และการจดบันทึกต่างๆ
นอกเหนือจาก Structured Data และ Unstructered แล้ว ยังมี Semi-Structured Data โดย Semi-Structured Data เป็นข้อมูลที่มีลักษณะกึ่งข้อมูลที่มีโครงสร้างและข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง ซึ่งแท้จริงแล้ว Semi-Structured Data มีโครงสร้างอยู่ แต่โครงสร้างนั้นยังไม่สมบูรณ์เท่าไร จึงยังมีลักษณะความเป็น Unstructured Data อยู่ด้วย ถ้าให้เห็นภาพง่ายๆ การตั้ง Caption บนช่องทาง Social Media นับเป็น Unstructured Data แต่เมื่อมีการเพิ่ม Hashtag (#) เข้าไป Caption นั้นจะได้รับการจัดหมวดหมู่ จึงถูกนับเป็น Semi-Structured Data โดยทั่วไปแล้ว Semi-Structured Data สามารถนำไปใช้งานได้ง่ายและยังง่ายต่อการจัดเก็บอีกด้วย
บทสรุป
สรุปแล้วการใช้ Structured Data สำหรับ SEO ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะข้อมูลที่มีโครงสร้างและมีการจัดระเบียบอย่างเป็นแบบแผนตามมาตรฐานของ Data model จะทำให้เกิดความเข้าใจกันระหว่างผู้ใช้งานและโปรแกรม สื่อสารได้ตรงกันและเกิดการเข้าถึงที่มากขึ้น การใช้ Structured Data ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO สังเกตได้ง่ายๆ ในปัจจุบันหากมีการนำเสนอข้อมูลเนื้อหาที่เป็นตาราง มักถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นบนเว็บ Search Engine