Industry

8 วิธีโปรโมทและโฆษณาร้านอาหารออนไลน์ สำหรับปี 2024

Fast To Read

ปัจจุบันนี้พฤติกรรมที่เหมือนกันแทบทุกคนแน่นอนของผู้บริโภคหรือลูกค้าของเรา ก็คือทุกคนต่างก็หันมาใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต และ Social Media กันจนเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ 

ซึ่งในฐานะเจ้าของธุรกิจร้านอาหารอย่างเรา ไม่ว่าจะเป็นที่ขายอาหารทางออนไลน์ หรือมีหน้าร้านก็ตาม ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการโปรโมทร้านอาหาร หรือการโฆษณาร้านอาหารให้มีความเหมาะสมกับยุคสมัย และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น 

วิธีต่อไปนี้ที่เราเอามาแนะนำ ก็ขอบอกเลยว่าเป็นวิธีโปรโมทที่อัปเดทสำหรับปี 2024 นี้มากที่สุด! มีอะไรบ้างมาดูกันทีละข้อเลย

1.ใช้ Social Media หรือทำ Social Media Marketing

เริ่มกันที่ข้อแรกซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ เลย นั่นก็คือการใช้ Social Media ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพื่อจะได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการติดต่อให้กับร้านของเราอีกด้วย เช่น

– Facebook

Facebook ข้อดี

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็มี Facebook กันทั้งนั้น ดังนั้นการที่เราโปรโมทร้านอาหารผ่านทางนี้ จะทำให้เกิดฐานลูกค้าได้ง่ายมากๆ และการมีพื้นที่ Social Media เป็นของตัวเอง ก็ทำให้เราสามารถอัปเดตข่าวสารหรือโปรโมชั่นของทางเราได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์รูปภาพบรรยากาศของร้าน โพสต์เมนูอาหารใหม่ๆ พูดคุยกับลูกค้า หรือแม้แต่การเล่นเกมลุ้นรางวัลจากทางร้านก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญคือเป็นการโปรโมตที่ฟรีด้วยนะ

– Line@

Line ข้อดี


ปัจจุบันนี้ Line แทบจะเข้ามาเป็นช่องทางสื่อสารหลักๆ ของคนไทยแล้ว ด้วยความที่ใช้งานฟรีและสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย และ Line@ นั้นก็ถูกพัฒนามาเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำธุรกิจโดยเฉพาะเลยล่ะ เพราะเขามีลูกเล่นมากมาย ทั้งการสะสมแต้ม มีคูปองแลกรางวัล แถมยังสามารถส่งข้อความโปรโมตร้านอาหารของเราไปสู่ลูกค้าพร้อมกันได้ในทีเดียวอีกด้วย

– Instagram

IG ข้อดี


อีกหนึ่งช่องทางในการโปรโมตร้านอาหารของเราที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ Instagram นั้นมีจุดเด่นตรงที่เป็นการโพสต์รูปภาพ ซึ่งเข้ากันมากกับธุรกิจร้านอาหารของเรา แค่เราโพสต์ภาพอาหารหรือวิดีโอสั้นๆ ที่ดูน่ารับประทาน ก็ถือเป็นการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสนใจร้านของเราแล้ว และอย่าลืม Tag สถานที่ร้านเอาไว้ด้วยล่ะ ลูกค้าจะได้เกิดการรับรู้ถึงแบรนด์มากขึ้น

– Youtube

Youtube ข้อดี


เนื่องจาก Social Media นี้เป็นวิดีโอ ดังนั้นเราสามารถที่จะนำเสนอได้หลากหลายรูปแบบที่เหมาะกับร้านอาหารของเราเลย อาจจะเป็นคลิปการทำอาหาร หรือจะเป็นรีวิวเมนูจานเด็ด รับรองว่าจะยิ่งทำให้ร้านอาหารของเราดูน่าเชื่อถือ และกระตุ้นให้ลูกค้าอยากมาเยี่ยมเยียนแน่นอน

2. โปรโมทร้านของคุณใน Wongnai 

Wongnai ถือเป็นสุดยอดแอปพลิเคชันรีวิวอาหารที่มีคนใช้งานเยอะที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ และใน Wongnai ก็จะมีร้านอาหารที่เข้าไปโปรโมทตัวเองอยู่มากมายเต็มไปหมด เรียกได้ว่าเป็นช่องทางสำคัญที่จะช่วยโปรโมทร้านอาหารให้คุณได้อย่างดีที่สุดช่องทางหนึ่ง เพราะในแอปพลิเคชันตัวนี้รวบรวมผู้ใช้งานที่ชื่นชอบในการทานอาหาร และทดลองร้านใหม่ๆ ไว้เป็นจำนวนมหาศาล 

ยิ่งถ้าร้านของคุณสามารถทำการโปรโมท หรือมีมาตรฐานที่ดีจนลูกค้าให้รีวิวคะแนนสูงๆ ในแอปตัวนี้ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่อยากลองให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้นอีก ซึ่งข้อดีของแอป Wongnai คือ ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านผ่านแอปตัวนี้ได้เลยทันที ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากกว่า 8,500,000 คนต่อเดือนเลย นับว่าเยอะมาก! ดังนั้นโอกาสที่จะโปรโมทร้านอาหารของตัวเองในแอปนี้แล้วประสบความสำเร็จ จึงมีสูงมากเชียวล่ะ

3. โปรโมทร้านของคุณใน TripAdvisor 

พูดถึง Wongnai ซึ่งเป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่คนไทยใช้กันเยอะมากๆ ไปแล้ว ต่อไปก็ต้องพูดถึง TripAdvisor ด้วย เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะมากสำหรับร้านอาหารที่อยากเน้นการโปรโมทกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวเป็นหลัก 

ร้านอาหารแต่ละร้านมีฐานลูกค้าไม่เหมือนกัน บางร้านอาจจะเน้นลูกค้าคนไทยก็จะเหมาะกับ Wongnai มากกว่า แต่ถ้าร้านของคุณเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่ในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เหล่า Expats และ Digital Nomads มาเป็นลูกค้าซะส่วนใหญ่ ต้องพิจารณาเพิ่ม TripAdvisor เข้ามาในสมการแล้วล่ะ 

TripAdvisor เป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใช้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม และอะไรต่อมิอะไรกันอย่างจริงจังมาก จึงเป็นที่ที่เหมาะสมให้คุณเข้าไปสร้างโปรไฟล์ร้านให้ตัวเอง ดูแลเพจ และจัดการคะแนนรีวิว คอยตอบรีวิวลูกค้า เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้าน เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติ (และไทย) ​ชอบอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจเลือกร้านอาหารตลอดจริงๆ นะ

4. ทำงานกับ Influencers

สำหรับใครที่กำลังมองหาการโปรโมทร้านอาหารที่ได้ผลดีที่สุดในยุค 2024 นี้ การทำงานกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญ หรือมีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ อย่าง Influencer คือหนึ่งในช่องทางที่ดีที่สุดช่องทางหนึ่ง 

Influencer Marketing

อาจเรียกการโปรโมทในลักษณะนี้ว่า Influencer Marketing ซึ่งจุดเด่นของการโปรโมทร้านแบบนี้ คือ เหล่า Followers ของผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้อาจจะรู้สึกเชื่อถือได้อย่างง่ายดายมากกว่า เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นมีความจำเพาะในสายงานของตัวเอง เช่นเป็น Blogger นักรีวิวสายกินที่รีวิวอาหารอย่างตรงไปตรงมา 

ซึ่งแตกต่างกับดารา หรือเซเล็บ ที่ถึงแม้จะช่วยให้แบรนด์ดูดีขึ้นได้ แต่กลับไม่ได้กินใจผู้บริโภค หรือไม่ได้ทำให้คล้อยตาม และเชื่อถืออย่างเต็มที่ เนื่องจากจะมีกำแพงกั้นกลางอยู่ในใจ และทุกคนจะรู้ว่านี่คือ การโฆษณา ไม่ใช่การพูดความจริง

ซึ่งการทำการโปรโมทร้าน หรือโฆษณาร้านอาหารผ่าน Influencer จะช่วยเพิ่มช่องทาง Engagement ให้กับสื่อ Social Media ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้แบรนด์ของเราถูกส่งต่อ กลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว และตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

5. พาร์ทเนอร์กับแอป Food Delivery เพื่อเพิ่มยอดขาย

สุดท้ายแล้ว เทคนิควิธีโปรโมทร้านอาหารที่ยอดเยี่ยม เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ยิงตรงสู่ลูกค้าที่แท้จริง ก็คือ ทำพาร์ทเนอร์กับเหล่าแอปสั่งอาหารต่างๆ นั่นเอง เพราะในประเทศไทย แอปสั่งอาหาร หรือ Food Delivery นั้นมีให้เลือกใช้บริการเยอะมาก ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราเลือกโปรโมทร้านได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละคน เช่น 

– Line Man 

เป็นบริการที่ทำร่วมกับ Wong Nai ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันรีวิวร้านอาหารอันดับ 1 ของเมืองไทย ทำให้มีฐานร้านค้าร้านอาหารเยอะมากกว่า 1 หมื่นร้านค้า ดังนั้นยิ่งมีร้านอาหารเยอะก็จะมีลูกค้ามากตามไปด้วย โอกาสที่คนจะค้นเจอร้านอาหารของคุณและสั่งมาใช้บริการก็มากขึ้นด้วยนั่นเอง 

– Grab Food 

เป็นบริการดีๆ จาก Grab ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงร้านอาหารได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้มีโอกาสขายได้ตลอดทั้งวัน ที่สำคัญด้วยความสะดวกสบายที่ให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตได้ จึงง่ายต่อการใช้บริการอย่างมาก แถมค่าส่งเริ่มต้นแค่ 10 บาทเท่านั้น!

– Food Panda 

เจ้านี้มีบริการมาแล้วมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก นั่นหมายความว่า จะมีโปรโมชั่นส่วนลดเยอะมาก ทำให้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาหลากหลายสุดๆ ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารของคุณได้พบกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในแอปนี้อย่างแน่นอน 

– GET Food

ตลาด Food Delivery กำลังเติบโตอย่างมาก การแข่งขันของตลาด Food Delivery เองก็เริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้น หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่มีแอปน้องใหม่มาบุกตลาดแล้วในชื่อ GET Food สำหรับใครที่ไม่มีหน้าร้าน อยากจะทำอาหารส่งออนไลน์อย่างเดียว ได้ข่าวว่า GET Food รับร้านที่ไม่มีหน้าร้านด้วยนะ

6. สร้างโปรไฟล์บน Google Business Profile

Google Business Profile คืออีกหนึ่งฟีเจอร์จาก Google ซึ่งถือเป็นบริการฟรีที่ทุกร้านค้าที่มีหน้าร้านควรมี การสร้างโปรไฟล์ผ่าน Google Business Profile จะช่วยทำให้ร้านค้าหรือธุรกิจในท้องถิ่นหรือพื้นที่นั้นๆ ปรากฎในการค้นหาของผู้ใช้ Google Search และ Google Maps 

อ่านต่อ: Google Business Profile คืออะไร

ในแต่ละวันมีการค้นหาข้อมูลบนกูเกิลมากกว่า 3000 พันล้านครั้ง ร้านของคุณอาจปรากฏอยู่ในการค้นหาผ่านโปรไฟล์ที่คุณสร้างไว้ได้ และอาจอยู่ในระดับต้นๆ ด้วยการตั้งค่าโปรไฟล์ที่เหมาะสม รวมถึงการอัปเดทหน้าโปรไฟล์อย่างสม่ำเสมอ

ใครที่สงสัยว่าหน้าตาของ Google Business Profile เป็นอย่างไร แล้วการตั้งค่าที่ว่านั้นหมายถึงอะไร เรามีตัวอย่างมาให้ดูกันค่ะ

บางคนอาจจะบอกว่า Google Business Profile เหมือนสมุดหน้าเหลือง พวก Directory แต่จริงๆ แล้วตอนนี้ Google ได้เพิ่ม Feature มากมายเข้ามาในหน้าโปรไฟล์ เรียกได้ว่าแทบจะคล้ายโปรไฟล์ Social Media แล้วล่ะค่ะ ทั้งให้เราสามารถอัปเดทข่าวสาร โปรโมชันได้ มีคะแนนให้ลูกค้ารีวิวได้ ถ้าร้านค้าเรามีเว็บไซต์และมีระบบจอง เราสามารถเพิ่มปุ่มให้ผู้ค้นหาสามารถจองผ่านหน้าโปรไฟล์ได้เลย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรให้กูเกิล เจ้า Google Business Profile ตัวนี้ใช้ได้ฟรีค่ะ

7. ทำ Local SEO

หลายคนอาจไม่คุ้นหู ไม่เข้าใจว่า Local SEO คืออะไร อธิบายง่ายๆ Local SEO คือ การทำการตลาดบน Google โดยโฟกัสตรงที่ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการได้ 

เช่น ถ้าคุณเปิดร้านเบอร์เกอร์ในเชียงใหม่ การทำ Local SEO จะช่วยให้ร้านของคุณปรากฏอยู่ในการค้นหาของคนที่ใช้อินเทอร์เน็ตในเชียงใหม่และกำลังมองหาร้านอาหาร หรือร้านเบอร์เกอร์อยู่นั่นเอง

พื้นที่ที่ว่านี้ไม่จำกัดว่าต้องเป็นชื่อจังหวัดเสมอไป บางครั้งผู้ค้นหาอาจค้นด้วยชื่อเขต/ย่านก็ได้เช่น ร้านอาหารแถวบางรัก ร้านอาหารแถวสามย่าน ร้านอาหารแถวนิมมานฯ เป็นต้น

Local SEO

การทำ Local SEO อาจะทำได้หลากหลายวิธี ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือต้องทำควบคู่ไปกับการดูแลและอัปเดทโปรไฟล์บน Google Business Profile ดังที่ได้กล่าวไปในข้อ 5 ด้วย

8. สร้างเว็บไซต์ให้ร้าน

แน่นอนว่าการมีเพจ Facebook มี IG ไว้อัปรูปอาหารสวยๆ มีโปรไฟล์ Wongnai สร้างโปรไฟล์ Google Business Profile ดูจะเป็นอะไรที่เพียงพอแล้วกับการสร้างโปรไฟล์ร้านอาหารในโลกออนไลน์ แถมถ้าไม่จะซื้อโฆษณา (ads) ยังแทบจะไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ 

การสร้างเว็บดูจะเป็นอะไรที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่การสร้างเว็บไซต์ร้านอาหารทำให้คุณมีพื้นที่ในการโปรโมทตัวเองในโลกออนไลน์เยอะขึ้นอย่างมาก ทำให้ร้านอาหารของคุณดูมีความ Professional มากขึ้นไปอีกระดับ เป็นการสร้างอิมเมจที่ดีให้กับธุรกิจนอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถทำ Local SEO ได้อย่างเต็มที่ 

เอาเป็นว่าถ้าคู่แข่งของร้านอาหารคุณมีเว็บไซต์ ก็ถึงเวลาที่คุณต้องมีแล้วแหละ เชื่อเถอะว่าการลงทุนจะคุ้มค่า

สรุป

แต่ละกลยุทธ์ก็มีข้อดีในตัวของมันเองแตกต่างกันออกไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณถึงควรพิจารณาให้ดีว่าควรจะโฆษณาร้านอาหาร หรือโปรโมทร้านอาหาร ด้วยเทคนิคและวิธีใดจากทั้ง 8 ข้อนี้ ลองเอาไปทำตามกันดู แล้วจะรู้ว่าการบริหารธุรกิจร้านอาหารให้ประสบความสำเร็จในยุคที่การแข่งขันสูงแบบนี้นั้นอาจไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด ถ้าตั้งใจจริงจะต้องทำได้แน่

ถ้ายังไม่แน่ใจว่าเทคนิคไหนที่เหมาะสมกับร้านอาหารของคุณ หรือกำลังมองหาคนมาช่วยจัดการช่องทางต่างๆ เหล่านี้อย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อที่จะได้ไปโฟกัสในส่วนอื่นของการบริหารร้าน ลองปรึกษานักการตลาดผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์จากทีมของเสิร์ชสตูดิโอดูค่ะ ติดต่อพูดคุยรายละเอียดกับแอดมินของเราได้เลย หรือส่งเมล์มาหาเรา คลิก!

Written By

เริ่มเข้าสู่สายงานนี้จากการเป็น Link builder ตัวเล็กๆ ที่ร่างไม่เล็กนัก ผ่านมา 4 ปีแล้วจาก Day 1 ยังพยายามเพิ่มพูนทักษะในสายงาน Digital Marketing อยู่เสมอ ติดบ้านแบบแงะออกยาก ชอบอ่านหนังสือ แต่สะสมไฟล์ epub มากกว่าหนังสือจริง ชอบฟัง Podcast หลงใหลใน Pop culture และการเขียนเรื่องสั้น สนใจเรื่อง Productivity เพราะเชื่อว่าเมื่อเรา Productive การทำงานจะเป็นเรื่องสนุก พูดคุยกับ Gigi ที่ LinkedIn
Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.