การที่จะเราสร้างหรือออกแบบเว็บไซต์นั้น ไม่เพียงแต่จะสร้างแต่เนื้อหาที่น่าสนใจหรือเน้นไปที่ดีไซน์เท่านั้น แต่ควรให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่ง Bounce Rate เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญที่ช่วยให้เราทราบถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้ ดังนั้น บทความนี้ เราจะมาอธิบายว่า Bounce Rate คืออะไร ปัจจัยที่มีทำให้เกิด Bounce Rate รวมถึงวิธีลดค่า Bounce Rate จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น เราไปติดตามพร้อม ๆ กันเลย
Bounce Rate คืออะไร?
Bounce Rate คือ “The Percentage of Single-Page Sessions” ค่าของผู้เข้าชมที่ออกจากเว็บไซต์หลังจากดูเพียงหน้าเดียว ที่เป็นตัวบ่งบอกถึงสัดส่วนของการเข้าชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวและออกจากเว็บไซต์ ซึ่งอัตราส่วนของคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ของเราแล้วออกจากเว็บไซต์ไปนั้น สามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในแง่ของการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิด Bounce Rate บนเว็บไซต์
หากผู้ใช้งานเว็บไซต์ออกจากเว็บไซต์หลังจากดูเนื้อหาเพียงแค่หน้าเดียว แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรากำหนดและควบคุมไม่ได้ อย่างที่ได้พูดไปข้างต้นแล้วนั้น อาจจะเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- มีเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้อง
- การออกแบบเว็บไซต์
- เวลาในการโหลดข้อมูลที่ล่าช้า
- ปัญหาทางเทคนิค
ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์มีป๊อปอัป โฆษณา หรือใช้เวลาในการโหลดข้อมูลนานเกินไป ผู้ชมเว็บไซต์อาจหงุดหงิดและออกจากเว็บไซต์ไปได้ ทำให้ส่งผลกระทบถึงสัดส่วนของการเข้าชมเว็บไซต์อย่างแน่นอน ซึ่งบอกเป็นนัย ๆ ว่าเนื้อหาข้อมูลของเว็บไซต์นั้นยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานเว็บไซต์เท่าที่ควร
และแน่นอนว่าเรื่องของคุณภาพของเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดค้นหาของผู้ชมเว็บไซต์ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ของมีค่า Bounce Rate ที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน เนื้อหาที่เขียนไม่น่าสนใจ รวมไปถึงความเร็วในการโหลดและการตอบสนองของเว็บไซต์ที่ไม่ดีพอ ก็มีส่วนทำให้ค่า Bounce Rate สูงขึ้นเช่นเดียวกัน
วิธีการคำนวณค่า Bounce Rate
การคำนวณ Bounce Rate เป็นการวัดอัตราการ Bounce ของเว็บไซต์ โดยทั่วไปแล้ว Bounce Rate จะถูกคำนวณโดยใช้สูตรดังต่อไปนี้:
Bounce Rate = (จำนวนของการ Bounce / จำนวนทั้งหมดของการเข้าชมเว็บไซต์) x 100%
โดยที่:
- จำนวนของการ Bounce คือ จำนวนของการเข้าชมเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้ามาและออกไปโดยไม่ทำการเปลี่ยนหน้าหรือทำการเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่นของเว็บไซต์
- จำนวนทั้งหมดของการเข้าชมเว็บไซต์ คือ จำนวนทั้งหมดของการเข้าชมหน้าเว็บไซต์ทั้งหมด
ตัวอย่างการคำนวณ Bounce Rate:
ถ้าเว็บไซต์มีจำนวนการเข้าชมทั้งหมด 500 ครั้ง และมี 100 ครั้งเป็นการ Bounce และไม่ทำการเปลี่ยนหน้าหรือทำการเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่น สูตรคำนวณ Bounce Rate จะเป็นดังนี้
Bounce Rate = (100 / 500) x 100% = 20%
ดังนั้น Bounce Rate ของเว็บไซต์ในตัวอย่างนี้คือ 20% ซึ่งหมายถึง 20% ของผู้ใช้ที่เข้ามาบนเว็บไซต์นั้น ออกไปโดยที่ไม่ทำการเปลี่ยนหน้าหรือทำการเชื่อมต่อไปยังหน้าอื่นของเว็บไซต์นั่นเอง
วิธีลดอัตรา Bounce Rate ทำอย่างไร?
- สร้างเนื้อหาที่มีความน่าสนใจ และเชิญชวน หรือว่าทิ้งท้ายความสัมพันธ์ของเนื้อหา ให้เชิญชวนที่จะกดเข้าไปอ่านข้อมูลเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องในหน้าอื่นๆต่อนั่นเอง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานอยากที่จะมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์หรืออยู่ในเว็บไซต์มากขึ้นอีกด้วย
- ทำการวิเคราะห์ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการเข้าถึงเว็บไซต์ให้มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น หากค่า Bounce Rate มีตั้งแต่ 50% ขึ้นไป ถือได้ว่าค่า Bounce Rate นั้นสูง ซึ่งหมายความว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ไปเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งานเว็บไซต์นั่นเอง
- ปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์ สร้างลูกเล่น เพิ่มเนื้อหาในเว็บให้มีความน่าดึงดูดที่ชวนที่ให้กดอ่านข้อมูลในหน้าอื่น ๆ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์อยากมีส่วนร่วมกับเว็บไซต์หรือใช้เวลาอยู่กับเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วของเว็บไซต์ การเพิ่มความเร็ว ลดความล่าช้าของการทำงานที่หน้าเว็บไซต์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ผู้ใช้งานชื่นชอบ และอยากที่จะดูหน้าอื่นๆ เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
ค่า Bounce Rate จะเป็นตัวบอกว่าเนื้อหน้าที่คุณกำลังนำเสนออยู่นั้นมัน “ดี” หรือ “ไม่ดี” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริบทและวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์ที่ให้จุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น บล็อกที่ให้คำตอบสำหรับคำถามเฉพาะเจาะจง โดยให้คำตอบชัดเจนแก่ผู้ใช้งานเว็บไซต์ก็อาจมีค่า Bounce Rate ที่สูงกว่าเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้า นั่นก็เพราะว่าผู้ใช้งานเว็บไซต์พบข้อมูลที่ต้องการแล้วก็ออกจากหน้าไปเลยนั่นเอง
บทสรุป
จากบทความที่เรานำมาฝาก เราได้รู้ว่า Bounce Rate เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับเจ้าของเว็บไซต์ที่ควรคำนึงถึง ว่าควรปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้เกิดความน่าสนใจและดึงดูดผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์ให้มีส่วนร่วมกับเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น การวิเคราะห์และทำความเข้าใจของความต้องการของผู้ใช้งานเว็บไซต์ การปรับปรุงเนื้อหา รวมไปถึงการปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ที่ใช้ในการโหลดข้อมูลต่างๆ เป็นอีกวิธีที่สามารถทำให้ค่า Bounce Rate ลดน้อยลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง
สุดท้ายนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ Bounce Rate ทั้งนี้สำหรับใครที่มีเว็บไซต์ธุรกิจอยู่แล้ว และต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าค้นหา ทางเอเจนซี่ SEO Search Studio ของเรา มีบริการรับทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google ซึ่งช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการศึกษาข้อมูลให้เสียเวลา รับรองได้เลยว่าเว็บธุรกิจของคุณ สามารถเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อย่างกว้างขวาง สามารถติดต่อทีมงานของเราได้ที่ admin@searchstudio.co.th ได้เลย