เมื่อโลกของการตลาดดิจิทัลหรือการตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับทุกธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการ กลยุทธ์ เทรนด์ที่เหมาะสม รวมถึงการนำเครื่องมือเข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดย่อมช่วยเพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จของธุรกิจมากขึ้นกว่าเดิม เรื่องของ Conversion, Conversion Rate ไปจนถึง Conversion Rate Optimization หรือ CRO จึงถูกพูดถึงเยอะมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คำถามคือเทคนิค Digital Marketing เหล่านี้คืออะไร ลองมาศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดทั้งหมดกันเลยค่ะ
อธิบายให้ชัด Conversion คืออะไร
ลำดับแรกอยากให้ทุกคนรู้จักนิยามของคำ ๆ นี้กันก่อน Conversion หากแปลเป็นภาษาไทยแบบตรงตัว หมายถึง “การกระทำที่เปลี่ยนไปจากเดิม” เมื่อมองในมุมของการตลาด คำ ๆ นี้ก็พอจะระบุความหมายในทำนองการกระทำบางประการของผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ในลักษณะของการมีส่วนร่วมเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับตัวเจ้าของเว็บไซต์มากที่สุด
หากอธิบายให้ชัดเจนขึ้นกว่านี้ในเชิงการตลาดออนไลน์ Conversion คือ วิธีในการกระตุ้นเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้าหรืออย่างน้อยก็สนใจมากขึ้นกว่าเดิมผ่านกิจกรรมที่พวกเขากระทำเมื่ออยู่บนหน้าเว็บไซต์ของเรา เช่น การสั่งซื้อสินค้า การกดจองคิวบริการ การสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแอดมิน การสมัครสมาชิก การเพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่กดซื้อ หรือแม้แต่การคลิกไปยังหน้าต่างอื่น ๆ เพื่อศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแนวทางที่ดีสำหรับบ่งบอกแนวโน้มที่มีโอกาสเกิดขึ้นในอนาคต
ประเภทของกลยุทธ์ Conversion
สำหรับประเภทของ Conversion จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ มีความใกล้เคียงกันในบางเรื่องแต่ก็แตกต่างกันอยู่พอสมควร ดังนี้ค่ะ
1. Macro Conversion
Macro Conversion มีจุดประสงค์สำคัญเกี่ยวกับการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจโดยตรง หรือแม้แต่การขอคำปรึกษา การลงทะเบียน สมัครสมาชิก กรอกข้อมูลเพื่อพูดคุยกับทีมมากประสบการณ์ และทุกการกระทำของผู้เข้าชมที่จะช่วยสร้างผลกำไรหรือเกิดรายได้ให้กับธุรกิจ
2. Micro Conversion
จุดประสงค์หลักของ Micro Conversion คือการสร้างกลยุทธ์ที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นลูกค้าในอนาคตได้ เช่น พวกเขายินดีกดถูกใจแฟนเพจ ยินดีสมัครสมาชิกเพื่อรอรับส่วนลด การดาวน์โหลดเมนูสินค้าเพื่อเช็กข้อมูล เป็นต้น ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและวางแผนการตลาดครั้งถัดไปง่ายขึ้น
เมื่อสรุปให้ละเอียด Conversion คือ การเลือกกลยุทธ์ วิธี หรือเทคนิคเพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างธุรกิจกับกลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย เพิ่มจำนวนสมาชิก ผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ หรืออัปเดตข้าวสาร การดาวน์โหลด การทำแบบสำรวจ การติดต่อผ่านช่องทางอื่นเพื่อพูดคุยกับแอดมิน หรือแม้แต่การที่ผู้ชมเข้าไปอยู่บนหน้าเว็บไซต์คุณนาน ๆ หลายนาที มีการคลิกไปสู่หน้าอื่นก็นับเป็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจไม่แพ้กันค่ะ
Conversion Rate คืออะไร คำนวณอย่างไรบ้าง
เมื่อเข้าใจคำอธิบายเบื้องต้นกันไปแล้วว่า Conversion คืออะไร เรื่องต่อมาที่ควรศึกษาต่อเนื่องนั่นคือ การคำนวณ Conversion Rate รวมถึงความหมายเพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถามว่า Conversion Rate คืออะไร? Conversion Rate คืออัตราส่วนที่ผ่านการคำนวณระหว่างยอด Conversion ต่อสัดส่วนของยอดของผู้เข้าชมหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด (Total Visitors) ทั้งการกดถูกใจ การแชร์ การสั่งซื้อสินค้า การกดสินค้าเข้าสู่ตะกร้า การส่งข้อมูลสอบถามเพิ่มเติม การคลิกไปหน้าอื่นเพื่อติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวหรือความน่าสนใจของสิ่งที่พวกเขาอยากรู้ เป็นต้น
ในอีกมุมหนึ่งก็สามารถระบุได้ว่า Conversion Rate คือ อัตราความเปลี่ยนแปลงที่สามารถนำข้อมูลไปใช้เพื่อประเมินแนวโน้มของธุรกิจในอนาคตได้ ทั้งนี้มีคนสงสัยว่า Conversion Rate คิดยังไง? ก็สามารถแทนสูตรได้อย่างง่ายดายดังนี้เลยค่ะ
Total Conversions (ยอดการสั่งซื้อ) / Total No. of Click หรือ Visitors (ยอดจำนวนผู้คลิกเข้าชม) x 100 = Conversion Rate
ตัวอย่างการคำนวณ Conversion Rate เช่น จำนวนผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมจากทุกจุดประสงค์ 5,000 คน มีคนสั่งซื้อจริง 1,000 คน Conversion Rate ก็จะอยู่ประมาณ 20%
Conversion Rate Optimization (CRO) คืออะไร?
ปิดท้ายกับเรื่องของ Conversion นั่นคือ Conversion Rate Optimization หรือ CRO ซึ่งถูกขมวดรวมกันไว้ให้กับนักการตลาดออนไลน์ได้ศึกษาเพื่อสร้างผลลัพธ์ชั้นยอดสำหรับธุรกิจ ผู้ที่อยู่ในแวดวง Digital Marketing จำนวนมากอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า Conversion Rate Optimization (CRO) คืออะไร Conversion Rate Optimization (CRO) คือ กลยุทธ์ประเภทหนึ่งซึ่งถูกใช้ภายใต้จุดประสงค์สำคัญในการเพิ่มจำนวน Conversion Rate ให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้คนเข้ามาซื้อสินค้า กดติดตาม กดสมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสาร และอื่น ๆ เพื่อสร้างโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจต่อการเติบโต นั่นหมายความว่าคุณจะทำยังไงก็ได้ให้คนที่คลิกเข้ามาแล้วจากกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้ามากที่สุด
ขอแนะนำกลยุทธ์ CRO เพื่อสร้าง Conversion Rate ที่ดี
ตามที่อธิบายไปนะคะว่าการทำ CRO ที่ดีย่อมช่วยเพิ่มจำนวน Conversion Rate ให้สูงขึ้น ผลตอบรับในเชิงธุรกิจเกิดผลสำเร็จไม่ยากอย่างที่กังวลใจ โดยกลยุทธ์ของการทำ Conversion Rate Optimization เองก็มีอยู่เยอะพอสมควรและค่อนข้างเกี่ยวกับการทำ UX/UI ให้กับเว็บไซต์ ทั้งยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์และการนำไปใช้ให้เกิดผลดี
1. การตอบสนองของเว็บไซต์
การมีเว็บไซต์ก็เปรียบกับหน้าร้านออนไลน์ หากร้านของคุณมีคนรับลูกค้าช้า ดาวน์โหลดนาน ลูกค้ามักรู้สึกเสียเวลาและอยากเปลี่ยนไปใช้บริการร้านอื่นแบบไม่ต้องสงสัย สิ่งแรกที่ควรทำคือปรับระบบของหน้าเว็บตนเองให้เกิดความเสถียร ลื่นไหล และมีความชัดเจนมากที่สุด (เฉลี่ยแล้วการคลิกเข้าไปแต่ละหน้าไม่ควรเกิน 2.4 วินาที) รวมถึงยังต้องใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์มอย่างง่ายดายด้วยนะคะ
2. ภาพต้องชัดเจน สวยงาม
โฟกัสแรกของทุกคนเมื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ย่อมหนีไม่พ้นการมองหาภาพสวย ๆ เพิ่มความจรรโลงใจ หากภาพที่ออกแบบรวมถึงธีมเว็บดูสวยงาม น่าใช้ รับรองว่าใครก็อยากคลิกเข้าไปยังหน้าอื่นแน่นอน ยิ่งหากเป็นภาพสินค้าด้วยแล้วจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อให้มากขึ้นกว่าเดิม
3. เนื้อหาอ่านง่าย
การทำเว็บให้มีอัตรา Conversion Rate สูงขึ้น รูปแบบการวางเนื้อหาก็สำคัญมากเลยค่ะ ถ้าเป็นเว็บที่อักษรรก อ่านแล้วตาลาย เปิดครั้งเดียวลูกค้าก็แทบอยากกดหนีออกให้เร็วที่สุด ในอีกมุมหนึ่งหากตัวอักษรมีขนาดใหญ่ ใช้คำกระชับ เข้าใจง่าย ตัวหนังสือจัดเรียงสวยงาม ช่วยสร้างบรรยากาศให้อยากคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาอื่นต่อ การเพิ่ม Traffic ของเว็บและเพิ่มโอกาสเป็นลูกค้าก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
4. โครงสร้างเว็บไซต์ไม่ซับซ้อน
เมื่อภาพสวย ตัวอักษรน่าอ่าน การทำโครงสร้างเว็บให้เข้าใจง่ายก็เป็นอีกเทคนิคที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดเลยนะคะ เหมือนกับเวลาคุณไปห้างช้อปปิ้งมอลล์แล้วเจอกับเชลฟ์สินค้าวางกระจายกันอยู่ ไม่มีหมวดหมู่ชัดเจนย่อมเกิดความรู้สึกเสียเวลา ไม่อยากไปอีก การทำโครงสร้างเว็บก็เหมือนกัน พยายามจับหมวดหมู่ของเนื้อหาให้เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันแต่ไม่ต้องอัดแน่นมากเกินไป เรียงลำดับความสำคัญให้น่ามอง น่าอ่านต่อด้วย
5. อย่าลืมเพิ่มปุ่ม CTA
อีกกลยุทธ์ที่นิยมใช้ในการทำ Conversion Rate Optimization นั่นคือการเพิ่มปุ่ม CTA หรือ Call To Action เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายอยากกดคลิกเข้าไปแล้วตัดสินใจซื้อได้แบบไม่ลังเลมากที่สุด เป็นแนวทางที่เห็นผลลัพธ์น่าพึงพอใจ แต่ก็ต้องมีไอเดียในการใช้คำให้น่าสนใจอยู่เหมือนกันค่ะ
6. กำหนดระยะเวลาเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ
เทคนิคนี้จะคล้ายกับการทำโปรโมชั่น คุณอาจสร้างระยะเวลาขึ้นมาเพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ สมัครสมาชิก หรือแม้แต่ลงทะเบียนร่วมกิจกรรมภายในช่วงที่กำหนดโดยต้องมีความพิเศษมากกว่าช่วงอื่น เช่น สมัครสมาชิกภายในสิ้นเดือนกันยายนรับฟรีส่วนลด 100 บาท ซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท รับส่วนลด 10% ก่อนวันที่ 30 กันยายน ศกนี้ เป็นต้น
7. A/B Testing ก็น่าสนใจมากเช่นกัน
การทำ A/B Testing คือ การทดสอบกลยุทธ์ด้านการตลาดของธุรกิจว่าแบบไหนกลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจ มีคนเข้าถึงมากกว่ากัน ทั้งนี้แนวทางของกลยุทธ์ต้องแตกต่างกันให้มากที่สุดเพื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่กำลังตามมา ช่วยเพิ่มแนวทางที่เหมาะสมสำหรับสื่อสารข้อมูลของธุรกิจไปยังผู้บริโภคได้ชัดเจนมากสุด ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกมากเกินไปนัก โอกาสเปรี้ยงไม่ใช่เรื่องไกลตัว
8. นำสถิติมาวิเคราะห์แล้วปรับปรุงแก้ไข
กลยุทธ์สุดท้ายไม่มีใครเก่งและทำผลลัพธ์ได้สำเร็จทุกครั้งนะคะ ย่อมมีวันที่ผิดพลาด ล้มเหลว เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าจะทำ Conversion Rate Optimization เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเกิด Conversion Rate ที่ดี ต้องเอาข้อผิดพลาดดังกล่าวโดยเฉพาะตัวเลขสถิติมาวิเคราะห์พร้อมลงมือแก้ไขด้วยความรวดเร็วมากที่สุด อย่าให้คู่แข่งแซงหน้าไม่เช่นนั้นการแซงคืนจะเป็นเรื่องยากทันที
เหตุผลที่ Digital Marketing ต้องสร้าง Conversion Rate ให้ดี
อ่านกันมาถึงตรงนี้เคยสงสัยกันหรือไม่คะว่าทำไมธุรกิจออนไลน์หรือการทำ Digital Marketing ต้องพยายามสร้าง Conversion ให้ดี เพิ่ม Conversion Rate ให้สูงขึ้น ภายใต้การใช้ Conversion Rate Optimization ที่ตอบโจทย์ เมื่อแบ่งออกมาเป็นหลายประเด็นก็พอสรุปแบบเข้าใจง่าย ดังนี้เลยค่ะ
1. สร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจ
ข้อนี้คงเป็นคำตอบที่ชัดเจน ตรงประเด็น และบ่งบอกถึงจุดประสงค์ของคนทำธุรกิจได้อย่างถูกต้องมากที่สุด ไม่ว่าใครก็อยากเห็นธุรกิจของตนเองเติบโต เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ดังนั้นการมี Conversion ที่ดีเท่ากับธุรกิจก็มีสิทธิ์ก้าวสู่การเป็นผู้นำบนโลกออนไลน์ไม่ยากเลย
2. เข้าใจพฤติกรรมและเทรนด์ของผู้บริโภค
หากคุณเป็นนักการตลาดมืออาชีพหรืออยู่ในแวดวงนี้มานานจะรู้ว่าสิ่งที่ยากมากที่สุดคือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของเทรนด์หรือพฤติกรรมผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปมาได้เสมอ ไม่มีหลักการใดตายตัวชัดเจน แต่การมีข้อมูลด้าน Conversion Rate จะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นว่าช่วงนี้เทรนด์ที่กำลังมาเป็นเรื่องไหน สถิติของตัวเลขไม่เคยโกหกใคร และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่บ่งบอกถึงการนำหน้าคู่แข่งอย่างน้อย 1 ก้าวเสมอค่ะ
3. ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
เมื่อคุณทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าใจข้อมูลทั้งหมดในมือ ตอบสนองสิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังได้มากสุด ย่อมเป็นการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์โดยไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ในการโฆษณาแม้แต่บาทเดียวด้วยซ้ำ ประหยัดต้นทุน สร้าง Positive Thinking ในใจของผู้บริโภค อันถือเป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจคาดหวังมากที่สุด
4. มีส่วนในการทำอันดับ SEO
ยุคนี้ย้ำนะคะว่าการทำ SEO ยังคงมีความสำคัญต่อธุรกิจ เสมือนสร้างความน่าเชื่อถือต่อตัวแบรนด์และธุรกิจ ซึ่งถ้าลองอ่านไล่เรียงมาเกี่ยวกับกลยุทธ์ทำ Conversion ก็แทบไม่ต่างจากการทำ SEO เลยด้วยซ้ำ จึงเป็นเหตุผลที่บ่งบอกได้อย่างดีเยี่ยมว่าหากคุณทำ Conversion Rate Optimization ที่มีประสิทธิภาพ ผลของอันดับจากการทำ SEO ก็ดีขึ้นเป็นเงาตามตัว
5. มีส่วนช่วยวางแผนการทำธุรกิจในอนาคต
การที่คุณรู้ปริมาณ Conversion Rate ที่ชัดเจนย่อมมีส่วนสำคัญต่อการวางแผนธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ ลองนึกภาพตามแบบง่าย ๆ สมมุติคุณสร้างคอนเทนต์ลงบน Facebook แล้วยอดการเข้าถึงไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ในอีกมุมหนึ่งการทำ Google Ads ปรากฏได้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจมากกว่า นั่นกำลังบ่งบอกว่าแท้จริงแล้วสินค้าหรือบริการที่จำหน่ายลูกค้าส่วนมากต้องการข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อตัดสินใจ เป็นต้น แผนธุรกิจที่เริ่มทำครั้งใหม่ย่อมตรงกับสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังมากขึ้น
6. ส่งผลดีต่อการทำ Remarketing
การทำ Remarketing คือ รูปแบบการตลาดเพื่อย้ำเตือนให้ลูกค้าจดจำได้ง่ายขึ้น หากคุณรู้ว่าช่องทางไหน รูปแบบโฆษณาอะไรเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการมากที่สุดจากระดับ Conversion Rate ที่เกิดขึ้น การ Remarketing จะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมอีกหลายเท่ามากเลยค่ะ ตัวอย่างง่าย ๆ เหมือนกับข้อก่อนหน้าสมมุติถ้าทำโฆษณาผ่าน Google Ads แล้วได้ผลลัพธ์ดี การย้ำเตือนผ่านช่องทางเดิมย่อมช่วยให้ลูกค้าจดจำมากขึ้น ลงทุนแล้วเกิดความคุ้มค่าแน่นอน
ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งที่นักการตลาดออนไลน์ คนทำธุรกิจบนโลก Digital Marketing ต้องรู้เอาไว้มากที่สุดนะคะ เป็นเรื่องของการนำเอา Conversion Rate Optimization (CRO) มาต่อยอดสู่การทำ Conversion ให้ได้ Conversion Rate ที่สูง แล้วผลลัพธ์ดี ๆ ก็มักตามมาไม่ขาดสาย เมื่อยุคที่ใครเดินหน้าเร็วกว่ามีโอกาสสร้างผลสำเร็จสูง หากช้าแม้เพียงก้าวเดียวก็อาจพลาดจนโดนคู่แข่งแซงหน้าเอาง่าย ๆ เลย
สำหรับท่าผู้อ่านที่มีเว็บไซต์และอยากเพิ่ม CRO ของเว็บตัวเองให้มากขึ้น หรืออยากได้รับคำปรึกษาเกี่ยวกับ บริการ SEO เพื่อเพิ่ม Organic Traffic ให้เว็บไซต์ของตัวเอง สามารถทักทายเข้ามาหาทีมงานของบริษัทรับทำ SEO Search Studio เพื่อรับคำปรึกษาฟรีได้เลยค่ะ
