SEO

ขยายกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไปทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ International SEO

Fast To Read

แน่นอนล่ะว่าหนึ่งในเป้าหมายของการสร้างเว็บไซต์ก็เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้า และ SEO ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ผู้พัฒนาเว็บไซต์นิยมใช้เพื่อเพิ่ม Traffic และการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านการสร้างคอนเทนต์และใช้ Keyword เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาบน Google นั่นเอง แต่หากมองไกลถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าในระดับต่างประเทศและต้องการตีตลาดในระดับสากล การทำ ‘International SEO’ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ควรนำมาปรับใช้เพื่อสร้างโอกาสของธุรกิจได้มากขึ้น

International SEO คืออะไร

International SEO

International SEO หรือการทำ SEO ระหว่างประเทศ คือรูปแบบของการทำ Search Engine Optimization รูปแบบหนึ่งที่มีการวางกลยุทธ์ของเนื้อหาและการปรับรูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อให้อันดับเว็บไซต์บนเครื่องมือค้นหาสูงขึ้นสำหรับประเทศที่เราต้องการเข้าถึง และการทำ International SEO จะทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องมือค้นหาจะสามารถระบุประเทศกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้นและเลือกใช้ภาษาได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายในประเทศนั้นๆ 

ประโยชน์ของการทำ International SEO

International SEO

การทำ International SEO มีประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจได้ โดยเฉพาะในต่างประเทศ เพราะจากผลสำรวจพบว่า 72% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ใช้เวลาออนไลน์ส่วนใหญ่ไปกับเว็บไซต์ที่มีการเขียนด้วยภาษาของตนเอง ทั้งยังมีแนวโน้มจะซื้อสินค้ามากขึ้นเมื่อข้อมูลสินค้าเขียนด้วยภาษาของเขาเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกหลายๆ ราย เช่น Apple, Ford Walmart หรือ Google ก็มีส่วนแบ่งตลาดขนาดใหญ่มาจากต่างประเทศ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม International SEO จึงสำคัญและควรพิจารณาเมื่อต้องการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

5 เทคนิคในการทำ International SEO

International SEO

1. กำหนดรูปแบบโครงสร้าง URL 

สำหรับโครงสร้าง URL ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเว็บไซต์นั้นมีตัวเลือกให้กำหนดได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น

    • ccTLD: หรือ Country code Top-Level Domain ที่จะเปลี่ยนโครงสร้าง URL ด้านท้ายเว็บไซต์ตามประเทศที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น www.example.co.us ซึ่งข้อดีคือ ผู้ใช้จะรู้สึกว่าคุ้นเคยกับตัว Domain สำหรับประเทศของเขา และประเทศกลุ่มเป้าหมายชัดเจน แต่ข้อเสียคือ ราคาสูง เนื่องจากหากเราต้องการระบุกลุ่มเป้าหมายหลายประเทศอาจจะต้องซื้อหลาย Domain อีกทั้งยังทำให้ยากในการจัดอันดับเว็บไซต์
    • Subfolders: เป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างได้รับความนิยมทั้งในผู้ที่ทำ SEO และผู้จัดทำเว็บไซต์ เนื่องจากคอนเทนต์ทุกอย่างสามารถรวมเข้าไว้ใน 1 Domain และสร้างหน้าเว็บไซต์ใหม่จากการเปลี่ยน URL path ได้ เช่น www.example.com/us ทำให้มีข้อดีในแง่ของการวิเคราะห์ข้อมูลและดูการรายงาน รวมไปถึงการตั้งค่าที่สามารถทำได้ในที่เดียว
    • Subdomain: จะคล้ายๆ กับ ccTLD แต่เป็นการปรับ Domain หลักในส่วนต้นให้สอดคล้องกับภูมิภาคนั้นๆ เช่น www.us.example.com ซึ่งถึงแม้จะดีกว่าวิธี ccTLD แต่การปรับโครงสร้างแบบ Subdomain ก็ยังคงต้องเพิ่มหน้าเว็บไซต์นอกเหนือไปจากหน้าหลัก และการมีหน้า Domain หลายๆ หน้าจะส่งผลให้การตรวจสอบและพัฒนาทำได้ยากขึ้น
    • Parameterized URL: สำหรับตัวเลือกนี้ มีข้อดีตรงที่ค่าใช้จ่ายน้อย แต่อาจจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน เนื่องจากที่อยู่เว็บไซต์จะประกอบไปด้วยตัวอักษรและเครื่องหมาย จึงทำให้ค่อนข้างสับสนว่าเป็น Bot หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น www.example.com/page?gl=US

2. ทำ Keyword Research เพื่อเลือก Keyword ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

Keyword มีความสำคัญในการทำ SEO ตามปกติอย่างไร กับ International SEO ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก Keyword จะช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคที่ต่างกัน สำหรับกรณีนี้ คุณยังสามารถใช้เครื่องมือฟรีจาก Google อย่าง Google Trends เพื่อตรวจสอบว่าหัวข้ออะไรที่ถูกพูดถึงและได้รับความนิยมในการค้นหาสำหรับพื้นที่นั้นๆ

 

3. พัฒนาหน้า Landing Page ให้เหมาะสม

Landing Page เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของหน้าเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาพิเศษเพื่อต้องการบอกให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์รู้ถึงวัตถุประสงค์ที่เว็บไซต์ต้องการสื่อสาร ซึ่งการทำ International SEO เองก็ควรพิจารณาการปรับหน้า Landing Page ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้พื้นที่นั้นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน

 

4. ติดตั้ง Content Delivery Network (CDN)

Content Delivery Network คือเครือข่ายของเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อกันเพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ที่มีข้อมูลจำนวนมาก เนื่องจากหากผู้ใช้อยู่ไกลจากเซิร์ฟเวอร์นั้น การโหลดไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ก็จะใช้เวลานาน แต่การเก็บไฟล์ไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ CDN ที่อยู่ใกล้ผู้ใช้มากกว่า ก็จะทำให้โหลดข้อมูลได้เร็วกว่านั่นเองค่ะ

 

5. ใช้แท็ก Hreflang ในการเปลี่ยนเส้นทางเว็บไซต์

แท็ก Hreflang คือองค์ประกอบของโค้ดในธีมของคุณที่เปิดใช้เครื่องมือค้นหาเพื่อระบุว่าเว็บไซต์จะใช้ภาษาอะไรและภูมิภาคใด จากนั้นจะส่งคืน URL ที่แหมาะสมโดยอิงจากภาษาและตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการใส่แท็ก Hreflang ในธีมของคุณจะเพิ่มแนวโน้มที่ลูกค้าจะได้รับการเปลี่ยนเส้นทางไปยังภาษาที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำความเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการนำเสนอได้สะดวกสบายมากขึ้น การเพิ่ม Hreflang จึงจำเป็นในการทำ International SEO

International SEO

บทสรุป

และถึงแม้ว่าการทำ International SEO จะอาศัยพื้นฐานเดียวกันกับ SEO ปกติ แต่ก็ยังคงมีเทคนิคบางอย่างที่ผู้สร้างและผู้พัฒนาเว็บไซต์ควรทำความเข้าใจเพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับและตรงกลุ่มเป้าหมายในระดับต่างประเทศมากขึ้นนั่นเอง อย่าลืมนำความรู้ที่ได้รับจากบทความนี้ไปประยุกต์ใช้ในการเพิ่ม traffic จากทั่วโลกด้วย International SEO กันนะคะ

หากคุณต้องการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับบริการ International SEO กับทางทีมงานของ Search Studio สามารถติดต่อเข้ามาได้เลยนะคะ ทางทีมของเรามีประสบการณ์การทำ SEO ให้เว็บภาษาอังกฤษที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นต่างชาติค่อนข้างเยอะค่ะ

Written By

เมย์เริ่มงานสาย Online Marketing มาได้มาได้มากกว่า 3 ปีแล้ว และยังคงศึกษางาน SEO และ Online Marketing ต่อไป ด้วยเป็นเด็กสายวิทย์ที่ชอบการอ่านมากกว่าฟัง ชอบวิเคราะห์ มีความขี้สงสัยและต้องค้นหาเหตุผลให้เจอ ยังคงหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร สุดท้ายแล้วขอให้แมวจรทุกตัวมีบ้านค่ะ
Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.