ในยุคที่อะไรๆ ก็เป็นออนไลน์ไปหมด คงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินคำว่า Online Marketing กันมาก่อน มาดูกันว่าจริงๆ Online Marketing คืออะไร มีประโยชน์ขนาดไหน แล้วทำไมใครๆ ก็บอกว่าจำเป็นอย่างมากกับธุรกิจในยุคนี้ มาหาคำตอบไปพร้อมกับเรา!
Online Marketing คืออะไร?
หรือจะเรียกว่า:
Digital marketing หรือ Internet marketing ก็ได้ความหมายไม่ผิดจากกันนัก
ถ้าแปลเป็นภาษาไทยตรงตัวก็คือ “การทำการตลาดออนไลน์” ซึ่งเริ่มมาได้รับความนิยมในยุคอินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูนี่เอง ในเมื่ออะไรๆ ก็ออนไลน์ไปหมด การตลาดก็ต้องกลายเป็นออนไลน์ไปด้วย โดยที่เป็นการทำการตลาดผ่านทุกอย่างที่เป็นสื่อดิจิทัล หรือสื่อออนไลน์ (อะไรก็ตามที่เชื่อมต่อด้วยอินเทอร์เน็ต) เราก็จะเรียกสิ่งนั้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Online Marketing
แล้วแบบนี้ Offline Marketing ก็ไม่จำเป็นสินะ?
ถ้าบอกว่าอะไรๆ ก็ออนไลน์ไปหมดทุกอย่าง แสดงว่า Offline ก็ไม่จำเป็นแล้วสิ? (Offline Marketing หมายถึง จำพวกโปรชัวร์ ป้ายบิลบอร์ด โฆษณาวิทยุ พื้นที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร เป็นต้น)
คำตอบคือ ไม่เสมอไปค่ะ
Offline Marketing ยังมีความสำคัญอยู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับบริบทและธรรมชาติ หรือจุดประสงค์ของธุรกิจนั้นๆ ด้วย บางธุรกิจไปได้ดีกับการทำ Offline Marketing บางธุรกิจไปได้ดีกับ Online Marketing บางธุรกิจก็ผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดนจัดสัดส่วนงบประมาณเพื่อให้ได้ผลออกมาตามจุดประสงค์ทางการตลาด ณ ขณะนั้นๆ
จะรู้ได้ยังไงว่าธุรกิจของเราต้องการ Online Marketing
ถ้าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจออนไลน์ ที่ไม่มีหน้าร้าน ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณจะต้องทำ Online Marketing แน่ๆ ทีเดียว ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แปลก เมื่อมีแต่ร้านออนไลน์ ก็ต้องเน้นโปรโมทออนไลน์อยู่แล้ว
ถ้าธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่มีหน้าร้าน หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า brick-and-motar คุณก็อาจจะต้องทำ Online Marketing ถ้าหากว่าลูกค้าของคุณมีแนวโน้มว่าจะใช้งานอินเทอร์เน็ต เพราะคุณก็จะได้รับประโยชน์จากการพยายามดึงดูดลูกค้าบนอินเทอร์เน็ต
อย่างที่บอกไปว่าการทำการตลาดแบบ Offline ยังอยู่ได้ ยังไม่ตายเหมือนที่ใครๆ บอกกัน แถมถ้าเกิดว่านำมาผสมผสานกับการตลาดออนไลน์ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ต่างก็เกื้อหนุนซึ่งกันและกันได้อีกด้วย
ดังนั้น ถ้าหากว่ายังไม่แน่ใจว่าธุรกิจของเราต้องการการตลาดแบบนี้ ทางที่ดีที่สุดคือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการการตลาดออนไลน์ว่า ถ้าหากว่าต้องการบรรลุจุดประสงค์ทางการตลาดในแบบของธุรกิจของคุณแล้ว ต้องเริ่มต้นอย่างไรจึงจะได้ผล
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของการตลาดแบบดิจิทัล (ออนไลน์) ได้ที่นี่
ข้อดีของการตลาดออนไลน์มีอะไรบ้าง?
ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก
เมื่อเทียบกับการโฆษณาแบบเก่าบนช่องทางทีวี วิทยุ หรือพื้นที่บนหนังสือพิมพ์แบบในสมัยก่อนแล้วล่ะก็ การทำการตลาดออนไลน์นั้นไม่ต้องมีงบประมาณที่สูงมากก็ทำได้ บางครั้งหลักพันก็พอจะเริ่มยิง Ads ในเฟสบุ๊คได้แล้ว แต่แน่นอนว่าถ้าอยากให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ก็อาจจะต้องการงบประมาณในจำนวณที่อาจเทียบเท่าได้กับโฆษณายุคเก่า
สะดวกและมีความยืดหยุ่นสูง
การตลาดออนไลน์นั้นค่อนข้างสะดวกกว่าการขายของแบบ Offline อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบายที่เกิดขึ้นกับลูกค้าหรือผู้ค้า ลูกค้าจะมีเวลาทำการรีเสิร์ชและตัดสินใจมากกว่า
มีข้อมูลตัวเลขให้เห็นเพื่อการวิเคราะห์
การทำการตลาดออนไลน์จะมีข้อมูลตัวเลขหรือ Metric ต่างๆ ให้เราได้เห็นว่า ลูกค้าหรือผู้ใช้งานของเราทำอะไรบ้างบนเว็บไซต์ของเรา หรือมีคนเห็นและสนใจ Online Ads ของเรามากหน่อยแต่ไหน ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจและวางแผนการตลาดออนไลน์ต่อไปได้
มีทางเลือกเยอะ
อย่างที่ได้กล่าวถึงกันไปแล้วว่า Online Marketing หรือ Digital Marketing นั้นมีหลายแขนง และทำได้หลายแบบมาก ไม่ว่าจะทำ SEO ทำ Google Ads หรือทำ Facebook Ads หรือจะทำ Ads อะไรก็ได้บน Platforms อื่นๆ
สามารถเลือก Target ประชากรจำเพาะได้
การทำโฆษณา (Ads) แบบออนไลน์นั้นสามารถเลือกได้ว่าจะ Target หรือพยายามเข้าถึงใคร คนกลุ่มไหน ที่อาศัยอยู่ที่ไหน อายุประมาณเท่าไหร่ มีพฤติกรรมประมาณไหน เรียกได้ว่าสามารถเจาะจงได้ค่อนข้างละเอียดกว่าการโฆษณาแบบ Offline
จะทำ Online Marketing ต้องเริ่มจากอะไร?
แน่นอนว่าต้องเริ่มจากการเข้าใจธุรกิจของตัวเราเองก่อน เราขายอะไร และคนที่จะซื้อสินค้าเราเป็นใคร น่าจะมาจากช่องทางไหน เมื่อเราเข้าใจธุรกิจของตัวเราได้แล้ว จึงจะสามารถสื่อสารให้เอเจนซี่ หรือบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการตลาดออนไลน์ เพื่อช่วยกันวางแผนให้บรรลุจุดประสงค์ทางธุรกิจและทางการตลาดของเรา
ว่าด้วยเรื่องคู่แข่งทางการตลาด?
ต้องยอมรับว่าการตลาดแบบออนไลน์นั้นค่อนข้างซับซ้อน งบเยอะไม่ได้แปลว่าดี งบน้อยก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ดี สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ และการเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าลืมว่ายุคนี้คู่แข่งของเราเองก็คงทำการตลาดออนไลน์ไม่ต่างจากเรา การที่เราจะทุ่มงบแล้วคาดหวังว่าเราเป็นนัมเบอร์วันตลอดไปนั่นอาจจะเป็นไปไม่ได้ การทำการตลาดออนไลน์นั้นย่อมมีขึ้นมีลงผันผวนบ้างเป็นธรรมดา เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงบนโลกออนไลน์ที่คาดเดาได้ยาก
วิธีสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ โอกาสแห่งความสำเร็จของธุรกิจ
เมื่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเข้าสู่โลกออนไลน์แบบเต็มตัว ธุรกิจจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องหันมาใส่ใจกับการหาวิธีเพื่อทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผล ซึ่งเทคนิคยอดฮิตคือสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ด้วยรูปแบบต่าง ๆ จึงขอพาทุกคนมาศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ชัดเจน สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและต่อยอดผลลัพธ์ที่คาดหวังได้มากขึ้นกว่าเดิม กลยุทธ์การตลาดออนไลน์จะช่วยให้ธุรกิจของคุณไม่เพียงแต่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่เหมาะสม แต่ยังช่วยสร้างความภักดีและความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้ดีขึ้น
วิธีสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อผลลัพธ์ที่คาดหวัง
1. ศึกษาพฤติกรรมและเทรนด์กลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน
ไม่ว่าจะสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ประเภทใดก็ตาม สิ่งแรกที่ควรรู้มากที่สุดคือเข้าใจพฤติกรรมและเทรนด์ของบรรดากลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคต เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบหรือเข้าใจเทรนด์ธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้น การเลือกวิธีสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ย่อมง่ายขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขามากที่สุดด้วย
2. ศึกษากลยุทธ์ที่คู่แข่งใช้แล้วได้ผล
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ยังคงเป็นวลีฮิตไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัยก็ใช้ได้เหมือนเดิม การรู้ว่าคู่แข่งคนสำคัญของธุรกิจเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์แบบไหนจะทำให้คุณประเมินแนวทางที่เหมาะสมเพื่อแข่งขันหรือทำการตลาดออกมาให้ดีกว่าได้ แต่ย้ำว่าอย่าทำในสิ่งที่ใกล้เคียงจนเหมือนกับเลียนแบบไม่เช่นนั้นภาพลักษณ์ของแบรนด์จะเสียทันที เพียงประเมินกลยุทธ์ที่ได้ผล เช่น ช่องทางที่ใช้ รูปแบบการสื่อสาร แล้วปรับให้แบรนด์ที่มีอัตลักษณ์เข้าถึงลูกค้า
3. ต้องวัดผลออกมาเป็นรูปธรรมได้
จุดเด่นอย่างหนึ่งของการตลาดออนไลน์ยุคนี้คือส่วนมากมักสามารถวัดผลเป็นสถิติหรือตัวเลขชัดเจนเพื่อนำไปปรับปรุง พัฒนา หรือเพิ่มเติมให้เกิดศักยภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมในอนาคตได้ ซึ่งวิธีทำการตลาดออนไลน์ที่ดีต้องเลือกรูปแบบที่เห็นผลลัพธ์เหล่านี้จริง ไม่ใช่แค่การอ้างอิงลอย ๆ แบบไร้หลักฐาน ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่กำลังทำอยู่ดีและมีประสิทธิภาพแค่ไหน
4. สิ่งที่คิดต้องลงมือทำได้จริง
การทำธุรกิจไม่ใช่การเล่นเกม หากผิดพลาดแล้วอาจไม่มีโอกาสแก้ตัวรอบสอง ดังนั้นไม่ว่าคุณคิดจะสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ใด ๆ ก็ตามต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง ลงมือทำได้ มีโอกาสประสบผลสำเร็จในอนาคต หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีเสียงตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าเชิงบวกหรือลบก็ตาม เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของคุณเข้าถึงพวกเขา
5. ใช้ช่องทางให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
การเลือกช่องทางที่สอดคล้องกับการใช้งานของกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ใช้แค่วิธีเพิ่มยอดขายออนไลน์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงโอกาสในการรับรู้ คุ้นเคย จนเกิดเป็นความเชื่อใจและอยากลองสัมผัสกับสินค้าหรือบริการดูสักครั้ง หากน่าประทับใจก็มีสิทธิ์เปลี่ยนเป็นลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ไม่ยาก อย่าพุ่งเป้าแค่ Social Media ยอดฮิต เช่น Facebook เพราะยังมีช่องทางอื่นน่าสนใจและเหมาะกับธุรกิจของคุณอีกเยอะมาก
ตัวอย่างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่อยากแนะนำ
1. การทำ SEO บนหน้าเว็บไซต์
ตัวอย่างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์แรกจัดว่ากำลังมาแรงในกลุ่มคนทำธุรกิจที่หันมาใส่ใจกับโลกออนไลน์มากขึ้นคือ SEO (Search Engine Optimization) หรือกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นบนหน้า Google Search วิธีนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ส่วนมากมีความตั้งใจอยากซื้อจริง แถมยังช่วยสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวอีกด้วย หากสนใจที่จะทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ สามารถติดต่อ Search Studio เอเจนซี่ด้าน SEO ในไทยที่มีประสบการณ์มานานกว่า 10 ปี ที่พร้อมจะผลักดันในเว็บไซต์มีประสิทธิภาพและติดอันดับบน Search Engines เพิ่มยอดเข้าชม เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ
2. การซื้อ Ads โฆษณา
หากคุณมีงบมากพอ สินค้ามีคู่แข่งเยอะ การซื้อ Ads โฆษณานับเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ แต่ต้องควบคุมงบประมาณให้ดีและเน้นเฉพาะช่องทางที่มีกลุ่มเป้าหมายใช้งานเยอะ เช่น กลุ่มคนอายุเกิน 40 ปี การใช้ Facebook Ads จะตอบโจทย์ เนื่องจากพวกเขายังใช้ Social Media ประเภทนี้เป็นหลัก
3. การใช้ Email Marketing
หลายคนอาจมองว่าล้าสมัย แต่จริง ๆ แล้วนี่คือกลยุทธ์การขายออนไลน์และการตลาดที่ยังทรงประสิทธิภาพมาก เหตุเพราะผู้รับสารส่วนมากเป็นกลุ่มคนที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าหรือบริการนั้นอยู่แล้ว การส่งอีเมลเข้าไปเสมือนย้ำเตือนให้พวกเขารู้ว่าสินค้าดังกล่าวยังคงขายอยู่ อาจมีการเพิ่มเติมส่วนลด โปรโมชั่นเข้าไปเล็กน้อยให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองคือบุคคลพิเศษ ผลลัพธ์จึงมักอยู่ในเชิงบวกเสมอ
4. การสร้าง Native Ads
Native Ads คือ ลักษณะของโฆษณาออนไลน์ที่หน้าตาจะคล้ายกับคอนเทนต์ทั่วไปแล้วมีการวางไว้บนหน้าเว็บไซต์ที่คนคลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาสาระเยอะ ๆ เช่น เว็บข่าว อาจไม่ได้เน้นขายของมากนักแต่กลุ่มคนที่มีความสนใจเนื้อหามักกดเข้าไปดูเพื่อศึกษาวิธีแก้ปัญหาให้กับตนเอง ซึ่งโฆษณาดังกล่าวมักมีการสอดแทรกสินค้าหรือบริการของธุรกิจเข้าไปด้วย ช่วยสร้างความรู้สึกเชิงบวกได้ดีกว่าการทำแบนเนอร์ การทำ Affiliate Marketing หรือการจ้าง Influencer ที่ตั้งใจขายของอย่างเดียว
บทสรุป
ทั้งหมดนี้คือวิธีสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์พร้อมตัวอย่างกลยุทธ์ที่อยากแนะนำเพื่อปรับใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีเทคนิคอีกเยอะมากขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแบรนด์ ประเภทสินค้าหรือบริการ พฤติกรรมของลูกค้า ฯลฯ ทั้งนี้ ควรมีการวัดผลและปรับปรุงแผนการตลาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่แปรผันได้ตลอดเวลา การทำเช่นนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงในโลกดิจิทัลแบบเต็มตัวนี้ หากเข้าใจพื้นฐานที่ดีวิธีทำการตลาดออนไลน์ให้ได้ผลตอบรับน่าพึงพอใจก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทั้งหมดนี้ เป็นการแนะนำความรู้เบื้องต้นจากเสิร์ชสตูดิโอ เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจกันมากขึ้นว่าดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งคืออะไรกันแน่ รวมทั้งเข้าใจภาพรวมเกี่ยวกับการทำ Digital Marketingและถ้าหากว่าใครกำลังสนใจการโปรโมทธุรกิจด้วยการทำ SEO ครบวงจร สามารถติดต่อทีมงานเสิร์ชสตูดิโอเพื่อขอคำปรึกษาได้นะคะ
