Industry

เจาะลึก 9 แผนการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

Fast To Read

ยุคสมัยนี้… แค่มีโครงการสวย ทำเลดี ราคาโดนใจ อาจจะไม่พอแล้วค่ะ หากมองย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน การตลาดอสังหาริมทรัพย์มักพึ่งพาป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ตามสี่แยก หรือการจัดบูธในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก แต่ในวันนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้รอให้โฆษณามาหา แต่เป็นฝ่ายหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ชข้อมูลเอง เช็กรีวิว เปรียบเทียบทำเล ราคา และคุณภาพบนโลกออนไลน์ก่อนตัดสินใจแทบทุกครั้ง

และที่สำคัญกว่านั้นคือ เรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย จากข้อมูลวิจัยของกรุงศรีฯ ชี้ให้เห็นว่า แนวโน้มธุรกิจที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (BMR) ในช่วงปี 2568-2570 นั้น ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับตลาดที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง (Cautious Market) ทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจ และการที่ผู้ประกอบการเองก็เลือกที่จะชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ หรือเลือกพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มเป้าหมายและทำเลอย่างเข้มข้นมากขึ้น เมื่อยอดเปิดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ชะลอตัวลง การแข่งขันในตลาดที่เหลืออยู่จึงยิ่งรุนแรงขึ้น ทุกยูนิตและทุกบาทของงบการตลาดมีความหมายมาก

ตลอดช่วงเวลาที่ทีม Search Studio คลุกคลีอยู่กับแบรนด์อสังหาฯ  สิ่งที่เห็นชัดมากคือ โครงการที่อยู่รอดและเติบโตได้มักมีแผนการตลาดออนไลน์ที่ชัดเจน วัดผลได้ และทำงานร่วมกับทีมขายอย่างใกล้ชิด ไม่ได้พึ่งเพียงโฆษณา หรือแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น ดังนั้น เราเลยอยากพาทุกคนไปเจาะลึก 9 แผนการตลาดออนไลน์ที่ธุรกิจอสังหาฯ ควรมีในยุคดิจิทัล ทั้งในมุมของแบรนด์ การขาย และการวัดผล ให้คุณเห็นภาพว่าแต่ละกลยุทธ์ทำอะไร ช่วยอะไรได้บ้าง และควรเริ่มอย่างไร

ทำไมแผนการตลาดออนไลน์จึงสำคัญกับธุรกิจอสังหาฯ

ลองคิดดูนะคะ บ้านหนึ่งหลัง คอนโดหนึ่งห้อง คือการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลายๆ คน พวกเขาไม่ได้คลิกซื้อง่ายเหมือนสั่งเสื้อผ้าออนไลน์ แต่พวกเขาต้องการข้อมูลที่ครบถ้วน น่าเชื่อถือ และเข้าถึงง่ายในทุกขั้นตอนของการตัดสินใจ และสิ่งแรกที่พวกเขาจะทำคืออะไรคะ? แน่นอนว่าคือการค้นหาข้อมูลใน Google!

 

 

ตรงนี้แหละค่ะ ที่ทำให้ “การตลาดออนไลน์” กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ ในยุคนี้

  1. พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแบบชัดเจน ลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มต้นการเดินทางของพวกเขาด้วยการพิมพ์คำค้นหาอย่างเช่น “บ้านเดี่ยว หัวหิน”, “คอนโดใกล้ BTS ราคาถูก” หรือ “อสังหาริมทรัพย์เพื่อลงทุน” บน Google ถ้าโครงการของคุณไม่ถูกพบในช่วงเวลานี้ เท่ากับคุณกำลังพลาด “จังหวะทอง” ที่ลูกค้ากำลังมองหาโครงการอยู่จริง ๆ
  2. อินเทอร์เน็ตทำให้การเข้าถึงลูกค้าไม่มีขีดจำกัด โครงการของคุณสามารถถูกมองเห็นได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่บนทำเลหนึ่ง แต่คนที่อยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ก็สามารถเสิร์ชหาข้อมูลและเริ่มรู้จักแบรนด์ของคุณได้ทันทีจากออนไลน์
  3. ความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ การมีเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลครบถ้วน เนื้อหาคุณภาพ และมีรีวิวดี ๆ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์อย่างมาก ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพไม่ได้มาจากแค่รูปโครงการสวย ๆ เท่านั้น แต่มาจากประสบการณ์โดยรวมที่ลูกค้าได้รับตั้งแต่ครั้งแรกที่เสิร์ชเจอคุณบน Google ไปจนถึงการอ่านคอนเทนต์ ดูรีวิว และติดต่อทีม Sales
  4. ความคุ้มค่าและการวัดผล นี่คือจุดแข็งที่สุดของการตลาดออนไลน์เลยค่ะ เพราะมันช่วยให้คุณกำหนดงบประมาณ เลือกกลุ่มเป้าหมาย และติดตามผลได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคลิก จำนวนผู้ลงทะเบียน ต้นทุนต่อหนึ่งลูกค้า (Cost per Lead) หรือแคมเปญไหนให้ลูกค้าคุณภาพดีกว่ากัน ไม่ต้องเสียเงินไปกับการคาดเดาอีกต่อไป สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณวางแผนลงทุนได้อย่างคุ้มค่า ปรับกลยุทธ์ได้แบบมีข้อมูลรองรับ ไม่ใช่ลองยิงโฆษณาแล้วหวังพึ่งดวงอย่างเดียว

9 แผนการตลาดออนไลน์ สำหรับธุรกิจอสังหาฯ

 

1. สร้างเว็บไซต์อสังหาฯ พร้อมทำ SEO ควบคู่กัน

เว็บไซต์เปรียบเสมือนสำนักงานขายหลักที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ของคุณเลยนะคะ ลูกค้าจะมองคุณจากที่นี่เป็นหลัก ไม่ว่าจะมาจาก Google จากโฆษณา หรือจากโซเชียลก็ตาม สุดท้ายพวกเขาจะจบการค้นหาด้วยการคลิกเข้ามาเช็กข้อมูลบนเว็บไซต์

ดังนั้น การไม่มีเว็บไซต์ หรือมีแค่หน้าเว็บแบบพื้นฐานที่ไม่ได้คิดเรื่อง SEO เลย ก็ไม่ต่างจากการมีสำนักงานที่หายาก เข้าลำบาก และไม่มีทีมงานคอยต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นระบบ

ในมุมของ Google เอง ระบบจะจัดอันดับเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ครบถ้วน และน่าเชื่อถือมาก่อนเสมอ การทำ SEO จึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือกระบวนการพิสูจน์ตัวเองให้ Google เห็นว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญในตลาดอสังหาฯ นั้นๆ เมื่อ Google มั่นใจในคุณมากขึ้นจากโครงสร้างเว็บไซต์ คอนเทนต์ และประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน เว็บไซต์ของคุณก็จะถูกแสดงผลต่อหน้าลูกค้ามากขึ้น และเมื่อคุณอยู่ในสายตาลูกค้าบนหน้าแรกของการค้นหา ความมั่นใจของลูกค้าก็จะค่อย ๆ ตามมาเอง

ลองจินตนาการว่าตัวเองเป็นลูกค้าดูนะคะ เวลาเสิร์ชคำว่า “บ้านเดี่ยวหัวหินใกล้ทะเล” แล้วเจอเว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรกจากการเขียน Title Tag และ Meta Description ให้ดึงดูด

พอคลิกเข้ามาก็ควรจะ

  1. เห็นภาพรวมของโครงการชัดเจนตั้งแต่หน้าแรก
  2. เจอข้อมูลราคาโดยประมาณ ทำเล แผนที่ การเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก
  3. เลื่อนลงมาแล้วเจอจุดเด่นที่ตอบคำถามว่า ทำไมต้องเลือกโครงการนี้
  4. ถ้าอยากรู้รายละเอียดเพิ่ม ก็คลิกไปยังหน้าแต่ละแบบบ้าน หรือแต่ละยูนิตได้ เพราะมีการเชื่อมลิงก์ภายใน (Internal Link) ระหว่างบทความกับหน้าขาย
  5. ถ้าพร้อมคุย ก็เจอฟอร์มลงทะเบียน ปุ่มแอดไลน์ หรือปุ่มโทรหาทันที

 

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการสร้างเว็บไซต์พร้อมกับทำ SEO ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ คนที่ “กำลังหาอยู่จริง ๆ” ก็จะมีโอกาสไหลเข้ามาที่เว็บไซต์ของคุณแบบต่อเนื่อง

 

 

จากมุมของ Search Studio เว็บไซต์ที่ทำ SEO ดีคือทรัพย์สินระยะยาวของธุรกิจ แคมเปญโฆษณาอาจเปิดและปิดได้ตามงบ แต่ทราฟฟิกจากการค้นหาธรรมชาติจะยังไหลมาเรื่อย ๆ ถ้าเว็บของคุณยังอัปเดตข้อมูลและทำ SEO อย่างต่อเนื่อง นี่คือฐานสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจอสังหาฯ ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกครั้งที่เปิดโครงการใหม่ และสร้างโอกาสขายซ้ำให้แบรนด์ในระยะยาวอย่างแท้จริงค่ะ

2. การตลาดผ่านการสร้างเนื้อหา (Content Marketing)

ลูกค้าอสังหาฯ มีคำถามเยอะมาก เช่น ซื้อบ้านครั้งแรกต้องเตรียมอะไรบ้าง ต่างชาติซื้อคอนโดในไทยได้ไหม ซื้อบ้านหัวหินดีไหม เทียบกับพัทยา ลงทุนปล่อยเช่าวิลล่าคุ้มจริงหรือเปล่า หน้าที่ของ Content Marketing คือการตอบคำถามเหล่านี้ให้ดีที่สุด ผ่านบทความ วิดีโอ อินโฟกราฟิก หรือโพสต์สั้น ๆ ที่ให้ Insight จริง ไม่ใช่แค่โฆษณา 

 

 

ซึ่งสำหรับ Search Studio แล้ว การทำ Content Marketing ให้คุ้มที่สุด ต้องผูกเข้ากับ SEO ด้วยเสมอ โดย

  1. เลือกหัวข้อจากคำค้นหาจริงของผู้ใช้
  2. ใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติในบทความ
  3. วาง Internal Link ให้พาคนอ่านไปต่อยังหน้าขายหรือหน้าโครงการ
  4. อัปเดตบทความเดิมเมื่อข้อมูลเปลี่ยน เช่น กฎหมาย ภาษี เงื่อนไขต่างชาติซื้อบ้าน

 

ผลลัพธ์คือคอนเทนต์เดียวกันช่วยได้ทั้ง SEO, โซเชียล, และใช้เป็นข้อมูลให้ sales ส่งต่อลูกค้าในเฟสตัดสินใจอีกด้วย

3. ยิงโฆษณาด้วย Google Ads

แม้ SEO จะสำคัญในระยะยาว แต่สำหรับตลาดอสังหาฯ ที่แข่งขันสูง การใช้ Google Ads ควบคู่กันไปจะช่วยเพิ่มโอกาสได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคำค้นหาที่มี Intent สูง เช่น “ซื้อบ้านหัวหิน”, “คอนโดใกล้ BTS ราคาดี” หรือ “pool villa for sale phuket”

 

ข้อดีของ Google Ads สำหรับอสังหาฯ

  • เข้าถึงคนที่ “กำลังหาอยู่จริงๆ” ณ ขณะนั้น
  • เลือกยิงเฉพาะทำเลหรือคีย์เวิร์ดที่สำคัญกับโครงการ
  • วัดผลได้ละเอียด ทั้งจำนวนคลิก จำนวนโทร และการกรอกฟอร์ม

 

สิ่งที่ควรทำควบคู่กับการยิงโฆษณา

  • พาไป Landing Page ที่ออกแบบมาชัดเจนสำหรับโครงการนั้น
  • ใส่แบบฟอร์มและปุ่มแชทให้ง่ายต่อการติดต่อ
  • ติด Conversion Tracking ให้รู้ว่าแคมเปญไหนให้ Lead คุณภาพดีที่สุด

เมื่อ Google Ads เสริมกับ SEO คุณจะมีทั้งทราฟฟิกระยะสั้น (จากโฆษณา) และทราฟฟิกระยะยาว (จากการติดอันดับธรรมชาติ) ทำให้ไม่ต้องพึ่งช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป

4. การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing) 

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Line คือศูนย์กลางในการสร้างการรับรู้ (Awareness), การมีส่วนร่วม (Engagement), และการโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย

  • Facebook & Instagram: เหมาะสำหรับการสร้างภาพลักษณ์ไลฟ์สไตล์, การแสดงภาพโครงการที่สวยงาม, และการใช้งาน Facebook Lead Ads เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สนใจได้อย่างรวดเร็ว
  • TikTok & Reels (บน Instagram): ใช้สำหรับสร้างเนื้อหาที่เบาสมอง แต่เข้าถึงง่าย (Edutainment) เช่น การรีวิวข้อดีของแต่ละทำเล, Quick Tour ห้องตัวอย่าง, หรือเคล็ดลับการแต่งบ้าน
  • Line Official Account: ใช้เป็นช่องทางหลักในการพูดคุยกับลูกค้า, การส่งโปรโมชั่นส่วนตัว, การแจ้งข้อมูลโครงการใหม่, และการจองคิวเยี่ยมชม (Booking)

5. การตลาดแบบอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer/KOL Marketing) 

อสังหาฯ เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมักต้องการความมั่นใจสูงมาก การให้ Influencers หรือ KOLs ที่น่าเชื่อถือในกลุ่มเป้าหมาย มารีวิวโครงการหรือทำคอนเทนต์ร่วมกัน จึงช่วยลดกำแพงความไม่มั่นใจได้ดีมาก

 

ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดในไทย คือคอนเทนต์แนวรีวิวบ้านและอสังหาฯ แบบคุณ BoomTharis ที่พาไปชมบ้านดีไซน์สวย วิลล่าหรู หรือโครงการที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรรู้คือคุณไม่จำเป็นต้องใช้ Mega Influencer เสมอไป Micro-Influencers หรือ Nano-Influencers ที่กลุ่มเป้าหมายเชื่อจริง เช่น ครอบครัวที่มีลูกเล็ก สายทำงานจากที่บ้าน สายลงทุนปล่อยเช่า หรือคนที่ชอบเมืองตากอากาศอย่างหัวหิน ก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีและคุ้มค่ากว่ามาก

รูปแบบคอนเทนต์ก็สามารถยืดหยุ่นได้ ตั้งแต่วิดีโอพาชมโครงการแบบเต็มวัน รีวิวห้องตัวอย่างแบบละเอียด หรือคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่องการเลือกทำเล แล้วใช้โครงการของคุณเป็นหนึ่งในตัวอย่าง

 

6. ทำ PR Marketing และบทความเชิงข่าวบนสื่อออนไลน์ 

อีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญของการตลาดอสังหาฯ คือภาพลักษณ์ในสายตาสาธารณะ สื่อออนไลน์ และเว็บไซต์ข่าวรายใหญ่ ยังมีอิทธิพลสูงในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับโครงการ

การทำ Digital PR ไม่ได้หมายถึงการส่งข่าวสั้น ๆ ว่า “เปิดโครงการใหม่ ราคาพิเศษ” เพียงอย่างเดียว แต่สามารถเล่าในมุมของแนวคิดการออกแบบ มุมมองต่อทำเล หรือทิศทางการพัฒนาในอนาคต เช่น การวางตัวโครงการให้สอดคล้องกับการเติบโตของเมือง การออกแบบเพื่อรองรับทั้งการอยู่อาศัยและการปล่อยเช่า หรือการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

บทความ PR ที่วางโครงสร้างดี จะทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน คือสร้างภาพลักษณ์ที่จริงจังและมีวิสัยทัศน์ให้กับแบรนด์ และสร้าง Backlink กลับมาที่เว็บไซต์หลัก ช่วยเสริมพลังให้กับ SEO ไปพร้อมกัน

หลายโครงการที่ทำงานร่วมกับ Search Studio ก็จะได้ PR เป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเปิดตัว ปรับภาพลักษณ์ หรือสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด โดยค่อย ๆ สร้าง Brand Mention บนสื่อหลาย ๆ แห่งให้คนค้นหาแล้วเจอชื่อซ้ำ ๆ ในบริบทที่ดี

 

7. การตลาดความสัมพันธ์และลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Marketing)

ในวงการอสังหาริมทรัพย์ การตัดสินใจซื้อนั้นไม่ใช่การซื้อตามอารมณ์ชั่ววูบ แต่เป็นกระบวนการที่กินเวลายาวนาน อาจเริ่มตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึง 2 ปี นับจากวันที่ผู้สนใจเริ่มหาข้อมูล การลงทุนจำนวนมหาศาลนี้เองที่ทำให้ความสัมพันธ์และความไว้วางใจมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด CRM Marketing (Customer Relationship Management Marketing) จึงเปรียบเสมือนเครื่องจักรที่ขับเคลื่อนความสัมพันธ์เหล่านั้นให้คงอยู่และงอกงาม จนกระทั่งปิดการขายได้ในที่สุด

ความจริงข้อหนึ่งที่ Search Studio ค้นพบก็คือธุรกิจอสังหาฯ ส่วนใหญ่ไม่ได้ขาด “คนทัก” แต่ขาด “การตามต่อ” แม้ว่า Leads เข้ามาเยอะก็จริง แต่สุดท้ายหายไปกลางทาง เพราะไม่มีใครเห็นภาพรวมว่าใครทักมาแล้วบ้าง อยู่ในขั้นไหนของการตัดสินใจ และควรพูดคุยอะไรต่อ ตรงนี้แหละที่ระบบ CRM เข้ามาช่วยได้

 

 

ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ได้จริงในธุรกิจอสังหาฯ เช่น ใช้ HubSpot เป็น CRM หลักในการเก็บ leads ใช้ Mailchimp สำหรับยิงอีเมลเลี้ยงความสนใจลูกค้า และใช้ Hootsuite ช่วยรวมข้อความจากโซเชียลมีเดียหลายช่องทางไว้ที่เดียว เพื่อลดโอกาสพลาดข้อความสำคัญของลูกค้าที่ทักเข้ามา

เมื่อมีระบบเหล่านี้ ทีมการตลาดและทีมขายจะเห็นภาพเดียวกันมากขึ้น ว่า Leads มาจากไหน ควรโฟกัสที่ใครก่อน และงบการตลาดที่ใช้ไป เปลี่ยนกลับมาเป็นโอกาสปิดการขายได้จริงแค่ไหน

 

8. ใช้ Event Marketing สร้างประสบการณ์จริงให้ลูกค้า

แม้การตลาดออนไลน์จะสำคัญมาก แต่สำหรับธุรกิจอสังหาฯ การพาลูกค้าไปอยู่ในบรรยากาศจริง ยังเป็นจุดตัดสินใจที่ทรงพลังที่สุด การใช้ Event Marketing ที่ออกแบบมาอย่างดี จะช่วยเชื่อมโลกออนไลน์กับประสบการณ์หน้าจริงเข้าด้วยกัน ลูกค้าที่เคยเห็นโครงการผ่านโฆษณา เว็บไซต์ หรือโซเชียลมาก่อน พอได้มาเดินในโครงการจริง ได้สัมผัสบรรยากาศ เห็นวิวจากระเบียง เห็นขนาดห้องจริง หลายคนจะตัดสินใจง่ายขึ้นมาก

รูปแบบอีเวนต์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ มีหลายแบบ อาจเริ่มจากงาน Open House ที่จัดบรรยากาศพิเศษในช่วงสุดสัปดาห์ งานเปิดตัวโครงการใหม่แบบเชิญเฉพาะลูกค้าที่ลงทะเบียนออนไลน์ไว้ล่วงหน้า ไปจนถึงงานสัมมนาเล็ก ๆ เรื่องลงทุนอสังหาฯ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะทาง เช่น นักลงทุนที่มองหาบ้านพักตากอากาศเพื่อปล่อยเช่า หรือนักธุรกิจต่างชาติที่อยากมีบ้านหลังที่สองในไทย

 

 

จุดสำคัญคือ การทำงานร่วมกันระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ อีเวนต์หนึ่งครั้งไม่ควรเริ่มต้นและจบลงแค่ในวันงาน แต่ควรโปรโมตผ่านโซเชียล เว็บไซต์ และโฆษณาแบบมีแคมเปญชัดเจน เพียงเท่านี้ อีเวนต์แต่ละครั้งจะไม่ใช่แค่งานสวย ๆ ที่จบแล้วจบเลย แต่จะกลายเป็นทั้งแหล่งเก็บข้อมูลลูกค้า แหล่งสร้างคอนเทนต์ และพื้นที่สร้างความประทับใจที่ทำให้ลูกค้าจำโครงการของคุณได้ชัดเจนกว่าคู่แข่ง

 

9. ใช้บริการ Digital Marketing Agency 

หลายทีมอสังหาฯ เก่งเรื่องโครงการ เก่งเรื่องทำเล และเข้าใจลูกค้าหน้างานเป็นอย่างดี แต่เมื่อมาถึงเรื่องการตลาดออนไลน์ ทั้ง SEO โฆษณา คอนเทนต์ โซเชียล CRM และระบบวัดผล มักรู้สึกว่าทุกอย่างซับซ้อนและใช้เวลาเยอะมากเกินกว่าจะดูเองทั้งหมด คำถามที่ตามมาคือ จะเริ่มจากตรงไหนก่อน และควรจัดลำดับความสำคัญอย่างไรให้คุ้มกับงบที่มี

การทำงานร่วมกับบริษัท Digital Marketing ที่เข้าใจธุรกิจอสังหาฯ จึงเป็นอีกหนึ่งแผนที่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว แทนที่จะลองผิดลองถูกด้วยตัวเองทุกช่องทาง คุณจะมีทีมที่ช่วยวิเคราะห์ตลาด วางกลยุทธ์ เลือกเครื่องมือ และออกแบบแผนให้ทุกช่องทางทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

 

สรุปส่งท้าย

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 9 แผนการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอสังหาฯ ที่ลองไล่ดูกันไปทีละข้อ เชื่อว่าถ้ามองภาพรวมตอนนี้ น่าจะเริ่มเห็นแล้วว่าโลกออนไลน์วันนี้ไม่ใช่เรื่องของช่องทางใดช่องทางหนึ่ง แต่เป็นการออกแบบทั้งเส้นทางให้ลูกค้าเจอเรา รู้จักเรา และค่อย ๆ มั่นใจมากพอที่จะนัดชมโครงการหรือทักมาคุยเรื่องดีลจริง ๆ 

ถ้าให้เลือกจุดตั้งต้นสำหรับระยะยาว ในมุมของ Search Studio ยังมองว่า SEO คือฐานที่ควรใส่ใจก่อนเสมอ เพราะพอเว็บไซต์มีโครงสร้างดี คีย์เวิร์ดชัด และคอนเทนต์ตอบโจทย์การค้นหา แผนอื่น ๆ จะต่อยอดง่ายขึ้นหมด ทั้งโฆษณาที่คนเห็นแล้วสนใจคลิกเข้าเว็บมากขึ้น โพสต์โซเชียลที่พาคนกลับมาดูหน้าโครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ปล่อยให้ความสนใจของลูกค้าหายไปเปล่า ๆ

ถ้าคุณกำลังจะวางแผนการตลาดปีถัดไป ลองหยิบ 9 แผนนี้ไปเช็กกับทีมดูได้เลย ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่แล้ว และอะไรยังขาด โดยเฉพาะเรื่องเว็บไซต์และ SEO ว่ารองรับพฤติกรรมการค้นหาของลูกค้าดีพอหรือยัง จากนั้นค่อย ๆ ใช้แผนอื่นมาช่วยเสริม เท่านี้การตลาดออนไลน์ของธุรกิจอสังหาฯ ก็จะช่วยขายและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แบรนด์ได้มากขึ้นค่ะ

พร้อมแล้วหรือยังที่จะยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณให้เหนือกว่าคู่แข่ง? ติดต่อ Search Studio วันนี้ เพื่อเริ่มต้นวางแผนการทำ SEO ที่จะสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ค่ะ

FAQ (คำถามที่พบบ่อย)

SEO คืออะไร และทำไมจึงสำคัญเป็นพิเศษต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์?

SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือกระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาเพื่อให้ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของ Google อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา สำหรับธุรกิจอสังหาฯ SEO สำคัญมากเพราะ 90% ของผู้ซื้อบ้านเริ่มต้นด้วยการค้นหาออนไลน์ การที่โครงการของคุณปรากฏเป็นอันดับแรก ๆ เมื่อมีคนค้นหาคำว่า “บ้านเดี่ยว [ชื่อทำเล]” จะทำให้คุณได้ลูกค้าที่มีคุณภาพเข้ามาโดยตรงโดยมีต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (CAC) ที่ต่ำกว่าโฆษณาในระยะยาว

ระหว่าง SEO และ Google Ads ควรเลือกใช้กลยุทธ์ใดก่อนสำหรับโครงการเปิดตัวใหม่?

SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาแบบออร์แกนิก ส่วน Google Ads คือการจ่ายเงินให้โฆษณาขึ้นด้านบนทันที ถ้ามองเป็นกลยุทธ์ระยะยาว ธุรกิจอสังหาฯ มักใช้ทั้งสองแบบควบคู่กัน Google Ads ช่วยเร่งยอดลีดในช่วงเปิดโครงการหรือช่วงแคมเปญ ส่วน SEO สร้างทราฟฟิกและความน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่องในระยะยาว เมื่อฐาน SEO ดี แคมเปญโฆษณาก็มักทำงานง่ายขึ้นด้วย

ทำ SEO ธุรกิจอสังหาฯ ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเริ่มเห็นผล?

โดยทั่วไป SEO ไม่ใช่งานที่เห็นผลในไม่กี่สัปดาห์ ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นแนวโน้มดีขึ้นภายในประมาณ 3–6 เดือน แล้วค่อย ๆ ชัดขึ้นในระยะ 6–12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของเว็บไซต์เดิม ความรุนแรงในการแข่งขันของคีย์เวิร์ด และคุณภาพคอนเทนต์ที่ลงไปด้วย จุดสำคัญคือทำอย่างสม่ำเสมอและติดตามผลอยู่เรื่อย ๆ มากกว่าหวังผลเร็วในเวลาไม่นานค่ะ

ถ้ามีลูกค้าต่างชาติ SEO จะช่วยเรื่องการหาลูกค้าออนไลน์ได้ไหม?

ช่วยได้มากค่ะ โดยเฉพาะในทำเลท่องเที่ยวหรือเมืองตากอากาศอย่างหัวหิน พัทยา หรือภูเก็ต เพราะลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลทุกอย่างทางออนไลน์ก่อนบินมา การทำ SEO แบบสองภาษา หรือเขียนคอนเทนต์ภาษาอังกฤษที่ตอบโจทย์คำค้นหา เช่น “buy villa Hua Hin” “property for sale in Thailand” จะช่วยให้คุณถูกมองเห็นในตลาดต่างชาติ และสร้างภาพลักษณ์ว่าดูแลลูกค้าต่างชาติได้จริง ไม่ใช่โครงการที่โฟกัสแต่ตลาดในประเทศเท่านั้น

จำเป็นไหมต้องใช้เอเจนซี่ช่วยทำ SEO หรือทีมในบริษัททำเองก็พอ?

ถ้าทีมมีเวลาและความเข้าใจเรื่อง SEO พอ ก็สามารถเริ่มทำเองได้ในระดับหนึ่ง เช่น ปรับโครงสร้างเว็บ เขียนคอนเทนต์ให้ตรงกับคำค้นหา และเรียนรู้การใช้เครื่องมือพื้นฐาน แต่ในทางปฏิบัติธุรกิจอสังหาฯ หลายแห่งมักมีงานด้านโครงการและงานขายเยอะ การทำงานร่วมกับเอเจนซี่ SEO โดยตรง จะช่วยประหยัดเวลา ลดการลองผิดลองถูก และทำให้การตลาดออนไลน์เดินไปพร้อมกับเป้าหมายธุรกิจได้ง่ายขึ้น ขึ้นอยู่กับทรัพยากรในทีมและความพร้อมของแต่ละบริษัทเลยค่ะ

Written By

ปิ่นมองว่าเว็บไซต์ที่ทรงพลังก็เหมือนทริปท่องเที่ยวที่วางแผนมาดีทุกจุดค่ะ ในฐานะ SEO specialist หน้าที่ของปิ่นคือการทำให้ทั้ง users และ bot เข้าใจและใช้งานเว็บไซต์ของลูกค้าได้อย่างลื่นไหล นั่นหมายถึงการทำ On-Page Optimization ที่สมบูรณ์เพื่อการเริ่มต้นเดินทางอันไร้ที่ติ การสร้าง Blog Post ที่มีคุณค่าเสมือนจุดหมายปลายทางที่น่าแวะ และการทำ Backlink Building ที่ทรงพลังเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือตลอดเส้นทางนั่นเองค่ะ ส่วนนอกเวลางาน ปิ่นชอบตะลอนเที่ยว หาที่จิบกาแฟ และอ่านหนังสือเล่มโปรดค่ะ :)
Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.