เว็บไซต์บริษัทคือเครื่องมือที่ใช้ในการเข้าถึงลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะลูกค้าที่เข้ามาดูเว็บไซต์ผ่านการค้นหาออนไลน์ ซึ่งเว็บไซต์ที่ดีควรจะมี Sale Page ที่มีน่าสนใจและประสิทธิภาพที่ช่วยปิดการขายให้กับคุณได้
ในบทความนี้เราจะมาอธิบายว่า Sale Page คืออะไร ต่างจาก Landing Page อย่างไร และ Sale Page หากต้องการสร้าง Sale page มีอะไรที่คุณต้องคำนึงถึงบ้าง และ Sale Page คือเครื่องมือที่จะช่วยปิดการขายให้กับธุรกิจคุณได้อย่างไรบ้าง ไปติดตามพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Sale Page คืออะไร?
Sale Page คือหน้าเพจในเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาสำหรับใช้ขายบริการหรือสินค้าของธุรกิจโดยเฉพาะ โดยเนื้อหาพูดถึงบริการหรือผลิตภัณฑ์ ซึ่งเน้นการโน้มน้าวให้ลูกค้ากดซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณ ซึ่ง Sale Page สามารถทำได้ทั้งแบบสั้นและยาว
โดย Sale Page แบบสั้นจะเน้นที่เนื้อหาที่สำคัญเท่านั้น และอาจมีลิงก์เพื่อกดไปดูข้อมูลฉบับเต็มได้ และเน้นที่การโน้มน้าวผ่านปุ่มกดซื้อสินค้า หรือจะเป็น Sale Page แบบยาวที่อธิบายเนื้อหาแบบละเอียด หรือใส่รีวิวจากลูกค้าคนก่อน ๆ เพื่อให้ผู้ชมเพจใช้ในการตัดสินใจได้มากขึ้นด้วย
ส่วน Sale Page มีความแตกต่างจาก Landing Page ตรงที่ เพจทั้งสองต่างเป็นส่วนประกอบของเว็บไซต์ แต่ Sale Page จะเน้นกระตุ้นให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซื้อสินค้าและบริการเป็นหลัก ส่วน Landing Page อาจมีจุดประสงค์เป็นอย่างอื่น เช่น ให้คนมาลงทะเบียนเพื่อเก็บข้อมูลลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย หรือสร้างการรับรู้ (ฺBrand Awareness) ของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
Sale Page ที่ดีควรประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
หัวข้อเรื่อง
หัวเรื่องที่เขียนตรงประเด็นและน่าสนใจ ดึงดูดให้ผู้อ่านอยากเข้ามาอ่านเพิ่มเติมและคลิกซื้อสินค้า และควรมีคีย์เวิร์ด SEO ที่สำคัญอยู่ในนั้นด้วย
เนื้อหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแบรนด์
ส่วนนี้ประกอบไปด้วยข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับตัวสินค้าหรือแบรนด์ เน้นการใช้เครื่องหมายหัวข้อหรือกราฟ เน้นตัวหนาหรือปรับขนาดฟ้อนท์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้อ่านทำความเข้าใจได้ง่ายและเน้นย้ำข้อมูลที่สำคัญ
มีปุ่ม Call to action
Sale Page คือเพจที่มีปุ่ม Call to action ให้ลูกค้าสามารถสังเกตเห็นได้ชัดผ่านสีสันที่แตกต่าง และคำพูดที่ชวนให้กดซื้อ
ใส่รีวิวจากลูกค้าจริง
การใส่ข้อมูลรีวิวจริงจากลูกค้าของแบรนด์จะช่วยเพิ่มเครดิตและความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์มากขึ้น และลูกค้าที่สนใจสามารถอ่านรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆ เป็นแนวทางได้
ใส่รูปภาพและวิดีโอประกอบ
นอกจากควรจะมีข้อมูลดังกล่าวแล้ว การเพิ่มโลโก้ของแบรนด์ลงไปก็สำคัญ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำมากขึ้น รวมไปถึงรูปภาพและวิดีโอให้ผู้รับชมเข้าใจและเข้าถึงตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการได้มากขึ้น
มีอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้างในการสร้าง Sale Page?
- ศึกษาว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร เพื่อสร้าง Sale Page ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มคนเหล่านั้น
- คิดค้นประโยคเด็ดที่แสดงให้เห็นว่าทำไมพวกเขาถึงควรซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ หากเขาซื้อไปแล้วจะได้ประโยชน์อย่างไร สินค้าหรือบริการของคุณช่วยพวกเขาได้อย่างไรบ้าง
- เสนอราคาที่แตกต่างสำหรับแพ็คเกจที่แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของพวกเขาให้เลือก
- เน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของสินค้า
- ตกแต่งด้วยรูปภาพหรือกราฟฟิกที่ทำให้ Sale Page ของคุณน่าอ่าน
บทสรุป
หลังจากที่ได้ Sale Page ออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ลองทดลองใช้งานเพื่อดูว่ายังมีอะไรต้องปรับปรุงอีกบ้าง หัวข้อที่ตั้งมีความน่าสนใจ ลองเปลี่ยนรูปและดูที่หน้าเพจจริง ๆ ก่อนเปิดใช้งานว่าแบบไหนดีกว่ากัน และอีกข้อที่สำคัญมาก ๆ ก็คือหน้าเพจควรใช้งานได้ง่ายสำหรับทั้งการใช้งานผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือมือถือ โดยเฉพาะบนมือถือที่มีการใช้งานเพื่อดูเพจมากกว่า และพยายามไม่ใส่ข้อมูลที่มากล้นเกินจำเป็นจนไม่น่าอ่าน
มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะเข้าใจว่า Sale Page คืออะไรและช่วยปิดการขายให้ธุรกิจคุณได้อย่างไรมากขึ้น หากยังไม่รู้ว่าจ้างทำ Sale Page เจ้าไหนดี ลองปรึกษา Developer แต่ละคน เพื่อพูดถึงจุดประสงค์และเตรียมข้อมูลในการทำ Sale Page สำหรับสินค้าและบริการของคุณ พร้อมกับขอดูตัวอย่าง Sale Page อื่นๆ ได้เลย เพื่อให้ได้ Sale Page ที่ตรงใจคุณและลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด