ในยุคสมัยของการขายของออนไลน์กำลังรุ่งเรือง หรือที่เรียกกันว่า “ยุคอีคอมเมิร์ซ” (E-Commerce) ซึ่งมีผู้ประกอบการมากมาย นิยมใช้เครื่องมือขายของใน “Shopify” เพื่อปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่อเข้ากับลูกค้าในรูปแบบใหม่ ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ประกอบการค้าขายออนไลน์ได้ง่ายอีกด้วย เพิ่มความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นในบทความนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับ 5 ข้อควรรู้เมื่อเริ่มต้นใช้งาน Shopify สำหรับนักขายมือใหม่ เพื่อให้ผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นค้าขายออนไลน์ ได้รู้คุณประโยชน์ของ Shopify และทำความเข้าใจว่า Shopify คืออะไร? Shopify ดีไหม? รวมถึง Shopify มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง? มาติดตามพร้อมๆ กันเลย
Shopify คืออะไร? ดีไหม? เหมาะกับใครบ้าง?
Shopify คือแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์แบบสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยม โดยภายในจะมี Template ให้เลือกมากมาย ทำให้คุณปรับแต่งร้านค้าให้เข้ากับสไตล์ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้ใช้งานใหม่ก็สามารถปรับการตั้งค่าได้เอง โดยไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย อีกทั้งภายในยังมีระบบหลังบ้านขายของออนไลน์ที่ไม่เหมือนใคร อาทิเช่น ระบบชำระเงิน, การจัดส่ง และฟังก์ชันอื่นๆ ที่ครอบคลุมกับความต้องการของผู้ขายได้ทั้งหมด
หากถามว่า Shopify ดีไหม? ต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบันผู้ที่ค้าขายออนไลน์ มักจะขายของอยู่ในแพลตฟอร์ม E-Commerce ชื่อดังอย่าง Shopee และ Lazada หรือ Social Media ต่าง ๆ เช่น TikTok, Facebook, Instagram เป็นต้น แต่กลับไม่มีชื่อเว็บไซต์เป็นของตัวเอง จึงทำให้ Shopify เป็นตัวเลือกที่สำคัญ เพราะสามารถสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้โดยตรง และยังเป็นเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มยอดขายให้เติบโตได้เช่นกัน
ดังนั้น Shopify เหมาะกับผู้ประกอบการหลายประเภท ทั้งผู้ประกอบการมือใหม่ ธุรกิจขนาดกลาง และธุรกิจที่ต้องการขยายสาขา สำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจออนไลน์ Shopify ก็จะมีเครื่องมือและคำแนะนำในทุกขั้นตอน ที่จำเป็นสำหรับการสร้างและขยายธุรกิจ
ใช้ Shopify ขายของออนไลน์แล้วต้องเสียค่าใช้จ่ายไหม
สำหรับใครที่กำลังสนใจขายของใน Shopify สามารถใช้บริการทดลองได้ฟรีก่อน 14 วัน โดยสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ด้วยตนเอง หลังจาก 14 วัน Shopify จะเริ่มเก็บค่าบริการรายเดือน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 880 บาทต่อเดือน และขึ้นอยู่กับแพ็กเก็จที่คุณเลือกใช้บริการดังนี้
- Basic For Individuals
ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $25 หรือประมาณ 880 บาท/เดือน
- Shopify For Small Business
ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $65 หรือประมาณ 2290 บาท/เดือน
- Advance For Medium to Large Business
ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $399 หรือประมาณ 14,000 บาท/เดือน
แต่ละแพ็กเกจของ Shopify จะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแพ็กเก็จที่มีราคาสูง จะมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและรองรับกับขนาดธุรกิจที่ใช้ เช่น เจ้าหน้าที่ดูแลบัญชีธุรกิจ การออกรายงานธุรกิจ รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ร้านค้าทำยอดขายในแต่ละครั้ง โดยค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเก็จเช่นกัน
ข้อดีของ Shopify
Shopify เป็นเครื่องมือสำหรับการสร้างและจัดการร้านค้าออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย Shopify มีข้อดีหลายประการที่ทำให้ Shopify ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการได้มากขึ้น ดังนี้
- ใช้งานง่าย
ระบบของ Shopify ถูกออกแบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่จำเป็นต้องมีทักษะด้านการเขียนโปรแกรม
- ปรับแต่งได้หลากหลาย
ภายใน Shopify มี Theme และ Template ที่หลากหลาย สามารถเลือกใช้และปรับแต่งให้เหมาะสมกับร้านค้าของคุณได้ง่ายๆ
- รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ
Shopify รองรับหลายแบบของช่องทางการชำระเงินทั้งธนาคารในประเทศ และผู้ให้บริการภายนอก เช่น Apple Pay, Google Pay เป็นต้น
- มีการสนับสนุน 24 ชั่วโมง
มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยสนับสนุนร้านค้าให้กับคุณตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยดูแลระบบร้านค้า และคอยให้คำปรึกษาต่างๆ
- มีความปลอดภัย
ระบบของ Shopify มีความปลอดภัยและมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับภัยคุกคามในโลกออนไลน์
- ระบบหลังบ้านขายของออนไลน์
ช่วยให้คุณสามารถติดตามสินค้าและสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีเครื่องมือในการทำตลาดอย่าง SEO ช่วยให้ร้านค้าถูกพบเจอใน Search Engine ได้ง่ายขึ้น
- แสดง Report ได้ชัดเจน
ระบบจะแสดงสถิติและการวิเคราะห์เกี่ยวกับการขาย ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจลูกค้าและตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ข้อเสียของ Shopify
แม้ว่า Shopify มีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อเสียของ Shopify บางประการที่ผู้ใช้งาน อาจพบเจอได้ดังต่อไปนี้
- ค่าใช้จ่าย
แม้ว่า Shopify จะมีการทดลองใช้ฟรี แต่หลังจากนั้นจะต้องจ่ายค่าบริการรายเดือน และสำหรับบางฟีเจอร์เสริมอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- การปรับแต่ง
อย่างที่รู้กันว่า Shopify มี Theme และ Template ให้เลือกมากมาย แต่หากคุณต้องการแก้ไข จำเป็นต้องมีทักษะเรื่องโปรแกรม หรือ Coding พอสมควร
- การย้ายแพลตฟอร์ม
เมื่อต้องการย้ายเว็บไซต์ไปแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาจโยกย้ายข้อมูลได้ยุ่งยากและมีความซับซ้อน
Shopify เหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง
เมื่อคุณรู้เกี่ยวกับ Shopify มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างนั้น เรามาดูกันว่า Shopify จะเหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง
- ธุรกิจขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์ เช่น ขายครีม เซรั่ม วิตามิน และอื่นๆ
- ธุรกิจขนาดใหญ่: เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการขยายกลุ่มธุรกิจ และต้องการจัดการสินค้าในระบบออนไลน์ได้สะดวก Shopify จึงตอบโจทย์ได้ดี
- ธุรกิจอุปกรณ์เทคโนโลยี: เช่น สมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี หรือ ขายอะไหล่ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
- ธุรกิจแฟชั่น: ร้านค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับ กระเป๋า และอื่น ๆ
ทั้งนี้ Shopify เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท เพียงแต่ห้ามนำไปใช้กับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย และละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรูปแบบ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับพนันออนไลน์ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้คุณถูกห้ามใช้ Shopify ไปตลอดนั่นเอง
บทสรุป
เป็นอย่างไรกันบ้าง? สำหรับ 5 หัวข้อที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ Shopify สำหรับนักขายมือใหม่ เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณได้มากและไม่น้อย อีกทั้งยังช่วยให้คนที่กำลังสงสัยว่า Shopify คืออะไร? Shopify ดีไหม? และเมื่ออ่านบทความนี้จนจบหวังว่าจะตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตาม การขายของใน Shopify ก็ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจ เพราะทำให้คุณมีเว็บไซต์ร้านค้าเป็นของตัวเอง และมีระบบหลังบ้านขายของออนไลน์ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถจัดการะบบสินค้าได้สะดวกนั่นเอง