SEO

วิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content) ให้ติดหน้าแรก Google

Fast To Read

ปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจและหลาย ๆ องค์กรให้ความสำคัญกับการเขียนบทความ SEO อย่างมาก เพราะการเขียนบทความ SEO นั้นถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ทำให้เหล่าผู้ประกอบการ หรือแม้แต่นักการตลาด ต้องเรียนรู้วิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content) เพื่อนำองค์กรหรือธุรกิจไปสู่ความสำเร็จบนหน้าค้นหาอย่าง Google ยิ่งไปกว่านั้น นักเขียนบทความ หรือ Content Writer หลาย ๆ คน ก็เริ่มเป็นที่ต้องการในวงกว้าง และเป็นที่ต้องการตัวของหลายธุรกิจเลยทีเดียว ดังนั้นบทความนี้จะมาพูดถึงวิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content) และเป็นคู่มือ SEO ที่จะมาช่วยให้หลาย ๆ คนเข้าใจวิธีเขียนกันมากยิ่งขึ้นค่ะ มาติดตามบทความของเราพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

บทความ SEO (SEO Content) คืออะไร?

ก่อนที่คุณจะเริ่มทำ SEO คุณอาจจะต้องมาทำความรู้จักการเขียนบทความ SEO กับบทความทั่วไปเสียก่อน เพราะทั้ง 2 บทความ แม้จะมีเนื้อหาและข้อมูลคล้าย ๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยบทความ SEO (SEO Content) คือ บทความที่ถูกเขียนและปรับแต่งองค์ประกอบ เช่น Keyword, Heading และอื่น ๆ โดยมีจุดประสงค์ให้เน้นปรากฏในเครื่องมือค้นหา หรือ Search Engines อย่าง Google, Bing และ Yahoo ซึ่งบทความ SEO สร้างขึ้นมาเพื่อทำให้ ‘เว็บไซต์’ ได้รับการจัดอันดับต้น ๆ ในหน้าการค้นหา

ส่วนบทความทั่วไป คือ บทความที่เขียนขึ้นเพื่อให้ข้อมูล, เรื่องราว, ความรู้, หรือความบันเทิง โดยไม่ได้เน้นให้ปรากฏในเครื่องมือค้นหาหรือไม่ได้มี Keyword เพื่อทำ SEO ซึ่งเป็นการเน้นรูปแบบเขียนบทความ เพื่อสร้าง Branding โดยจะพบเห็นได้บ่อยตามสื่อ Social Media ต่าง ๆ ทั้งนี้หากพูดถึงความแตกต่างของทั้ง 2 บทความ จะมีข้อแตกต่างหลัก ดังนี้

1. จุดประสงค์หลัก

    • บทความ SEO มีจุดประสงค์ในการปรับแต่งเว็บไซต์หรือเนื้อหาให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหา เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดหน้าแรก Google มากขึ้น
    • บทความทั่วไป เน้นที่เนื้อหาและข้อมูลที่ต้องการสื่อให้กับผู้อ่าน ไม่จำเป็นต้องเน้นเรื่อง SEO

2. การเลือกใช้ Keyword

    • บทความ SEO จำเป็นต้องทำ Keyword Research เพื่อเลือกใช้ Keyword ที่มีการถูกค้นหาเยอะ และนำมาทำเป็นบทความ SEO โดยเฉพาะ
    • บทความทั่วไป เน้นที่เนื้อหาและข้อมูลที่ต้องการสื่อให้กับผู้อ่าน ไม่จำเป็นต้องเน้นเรื่อง SEO

3. ลิงก์และภาพประกอบ

    • บทความ SEO มีโครงสร้างในการจัดทำบทความอย่างชัดเจน โดยมีองค์ประกอบทั้งลิงก์ภายในและภายนอก พร้อมรูปภาพเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจัดอันดับหน้าค้นหา
    • บทความทั่วไป อาจจะมีรูปภาพแทรกเข้ามาในเนื้อหาบ้าง และอาจจะมีลิงก์ภายนอก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล แต่มักจะไม่มีการทำลิงก์ภายในเชื่อมระหว่างหน้าเว็บเพจ

ดังนั้น การเขียนบทความทั้งสองประเภทนี้มีความสำคัญในด้านต่าง ๆ และขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้เขียนและเว็บไซต์ที่ใช้งาน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าบทความทั่วไปจะไม่สามารถปรับปรุงให้เป็นบทความ SEO ได้ เพียงแต่ต้องปรับแต่งองค์ประกอบ โครงสร้าง และการเลือกใช้ Keyword ให้เหมาะสมกับการค้นหา

แนะนำ! เทคนิควิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content)

วิธีการเขียนบทความ SEO

การเขียนบทความ SEO หรือ SEO Content นั้น มีเทคนิคและขั้นตอนที่ช่วยให้บทความของคุณมีประสิทธิภาพในหน้าค้นหาของ Google โดยมีสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับวิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content) ดังนี้

1. ศึกษาเกี่ยวกับ Google Algorithm

การศึกษาเกี่ยวกับ Google Algorithm ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างมาก เพราะการจะเขียนบทความ SEO ให้มีประสิทธิภาพได้นั้น ต้องเข้าใจก่อนว่า Google ชอบอะไรและไม่ชอบอะไร ซึ่ง Google Algorithm มีการอัปเดตในทุก ๆ วัน และในบางครั้งที่ทำการอัปเดตอาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนหลัก ๆ ที่มีผลต่อ Google Algorithm คือ ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ความเร็วในการโหลด เนื้อหาที่มีประโยชน์ เป็นต้น

2. วางแผนและจัดทำ Keyword Research

เมื่อรู้แล้วว่า Google ชอบอะไรและไม่ชอบอะไรบ้าง ขั้นตอนต่อไปที่ควรให้ความสำคัญ คือ การวางแผนและจัดทำ Keyword Research ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการเขียนบทความ SEO โดยมีเครื่องมือสำหรับค้นหา Keyword ที่สามารถเลือกใช้ได้หลายเครื่องมือ เช่น Ahrefs, SEMrush, Google Keyword Planner และอื่น ๆ ในการเลือก Keyword มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา อาทิ การเปรียบเทียบปริมาณการค้นหา (Search Volume) ระดับความยาก (Keyword Difficulty) เพื่อประเมินความยากง่ายของคำ จากนั้นก็นำ Keyword ที่ได้มาใช้ในการสร้างบทความ SEO ให้สอดคล้องกับปริมาณการค้นหานั่นเอง

3. วางโครงสร้างบทความ

หากได้หัวข้อและ Keyword ที่ต้องการเขียนบทความ SEO แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรทำก่อนเริ่มเขียนบทความ คือ วางโครงสร้างของบทความ เพราะการจัดโครงสร้างบทความให้ถูกต้องและเป็นระบบระเบียบ จะช่วยให้บทความของคุณน่าอ่าน มีความน่าเชื่อถือ และมีโอกาสติดหน้าแรกของ Google ได้มากขึ้น โดยภายในบทความ SEO จะมีโครงสร้างดังต่อไปนี้

    • ชื่อเรื่อง (Title)

การตั้งชื่อเรื่องที่จะปรากฏอยู่บนหน้าเว็บค้นหา Google ควรใช้ตัวอักษรประมาณ 50-60 คำ และควรมี Keyword ที่เกี่ยวข้องอยู่ในชื่อเรื่อง อีกทั้งต้องตั้งชื่อให้สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย

    • คำอธิบาย (Meta Description)

สรุปความหมายและเนื้อหาของบทความในรูปแบบที่กระชับ โดยห้ามเกิน 160 ตัวอักษร เนื่องจากส่วนที่เกินจะไม่ถูกแสดงให้เห็น และต้องใส่ Keyword ที่สำคัญต่อเว็บไซต์ทุกครั้ง

    • หัวข้อหลัก (Heading หรือ H1)

หัวข้อหลักที่จะแสดงอยู่บนหัวของบทความมีความคล้ายคลึงกับชื่อหัวข้อ (Title) ดังนั้นการตั้งชื่อหัวข้อหลักไม่ควรซ้ำกับชื่อหัวข้อ แต่ควรตั้งชื่อให้มีใจความสำคัญใกล้เคียงกันมากที่สุด และ H1 จะใส่ไว้ในบทความเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

    • หัวข้อย่อย (Sub-Heading หรือ H2-H6)

เป็นหัวข้อที่ช่วยจัดเรียงบทความให้เป็นระเบียบ อาจจะมีจาก H2 ถึง H6 หรือมากกว่า ซึ่งควรหรือไม่ควรมี Keyword ก็ได้ ตามความเหมาะสม

    • ย่อหน้า (Paragraphs)

ในย่อหน้าควรมีเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยในหนึ่งย่อหน้าไม่ควรมีความยาวเกิน 5-6 บรรทัด อีกทั้งควรใส่จำนวน Keyword ประมาณ 1% ของจำนวนคำทั้งหมดในบทความ

    • ข้อความซ่อนในรูป (Alt Text)

หากมีการใช้รูปภาพ จะต้องใส่ Alt Text เพื่อทำให้คนสามารถค้นหารูปภาพของคุณได้ โดย Alt Text ควรจะเป็นคำหรือประโยคที่สั้น ๆ และเกี่ยวข้องกับรูปภาพนั้น ๆ

    • ลิงก์ภายใน (Internal Link)

ใส่ลิงก์ที่เชื่อมไปยังบทความหรือหน้าเว็บอื่น ๆ ของคุณ เพื่อทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ ใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์ได้นานขึ้น และส่งผลต่อการจัดอันดับต้น ๆ ของ Google ได้อีกด้วย

วิธีการเขียนบทความ SEO

4. มีความสม่ำเสมอ

การอัปเดตบทความอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณยังคงเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากเครื่องมือค้นหา โดยจะเขียนบทความขึ้นใหม่หรือจะนำบทความเก่ามา Re-Write ให้เป็นเนื้อหาใหม่ก็ทำได้ทั้งสองทาง การอัปเดตบทความจะช่วยให้บทความมี Engagement อยู่ตลอดและมีความสดใหม่ เป็นผลให้ Google คิดว่าเว็บของคุณได้รับการดูแลเป็นอย่างดีหรือเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ส่งผลต่อการจัดอันดับของ Google และติดอันดับต้น ๆ ได้ง่ายอีกด้วย

5. วิเคราะห์และประเมินผล

การวิเคราะห์และประเมินผลเป็นขั้นตอนสำคัญในการตรวจสอบความสำเร็จของการเขียนบทความ SEO โดยสามารถวิเคราะห์และประเมินผลได้ดังนี้

    • วิเคราะห์ข้อมูล
      • ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามจำนวนผู้เข้าชม, อัตราการคลิกเข้าชม, Keyword และอื่น ๆ
      • วิเคราะห์จำนวนการกดไลก์ แสดงความคิดเห็น, การแชร์, และเก็บบุ๊กมาร์ก
      • ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในอันดับของ Keyword นั้น ๆ หาก Keyword ใดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ก็ไม่ควรหยิบไปเขียนบทความ
      • หากผู้อ่านใช้เวลาในการอยู่เว็บไซต์นานเพื่ออ่านบทความของคุณ ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี และบ่งบอกถึงเนื้อหาของคุณว่ามีคุณค่าต่อผู้อ่านอย่างมาก
    • ประเมินผล
      • เปรียบเทียบผลวิเคราะห์ข้อมูลตามที่คุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ เช่น เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม 20% ภายใน 1 เดือน เป็นต้น หากไม่เป็นไปตามเป้า ควรปรับปรุงเนื้อหาบทความและเว็บไซต์
      • พิจารณาความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้อ่าน เพื่อปรับปรุงคุณภาพเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
      • คอยตรวจสอบหน้าเว็บเพจของเนื้อหาอยู่เสมอ หากไม่สามารถเข้าใช้งานได้ จะทำให้ผลอันดับร่วงลงได้

บทสรุป

วิธีการเขียนบทความ SEO

และนี่คือสิ่งที่เราอยากนำเสนอในวันนี้ เพราะการเขียนบทความ SEO นั้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการที่จะทำให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกบน Google เราจึงอยากพามาทำความรู้จักว่า SEO คืออะไร? และมีวิธีการเขียนบทความ SEO (SEO Content) อย่างไร? ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการสร้างเนื้อหาบทความที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ จนถึงการวิเคราะห์และประเมินผล จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับบทความของคุณได้รับการจัดให้อยู่อันดับต้น ๆ ของ Google  

อย่างไรก็ตาม หากใครที่ไม่มีเวลาเขียนบทความหรือไม่มีไอเดียที่จะเขียนบทความ SEO สามารถใช้บริการกับทาง Search Studio ได้เลยค่ะ เพราะ Search Studio คือเอเจนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญในกลยุทธ์ด้าน SEO มานานกว่าสิบปี ช่วยพัฒนาและผลักดันเว็บไซต์จากหลากหลายธุรกิจให้ติดอันดับบน Google และมียอดเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น และแน่นอนว่า Search Studio ก็มีบริการรับเขียนบทความ SEO จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเนื้อหาบทความที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับเว็บไซต์และบทความของคุณในระยะยาวอย่างยั่งยืน

Written By

เมย์เริ่มงานสาย Online Marketing มาได้มาได้มากกว่า 3 ปีแล้ว และยังคงศึกษางาน SEO และ Online Marketing ต่อไป ด้วยเป็นเด็กสายวิทย์ที่ชอบการอ่านมากกว่าฟัง ชอบวิเคราะห์ มีความขี้สงสัยและต้องค้นหาเหตุผลให้เจอ ยังคงหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร สุดท้ายแล้วขอให้แมวจรทุกตัวมีบ้านค่ะ
Views
Recommend Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.