โลกแห่งการค้าขายได้เปลี่ยนไปแล้วจากอดีต หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคที่การขายของในโลกออนไลน์มาแรงมากที่สุด โดยแพลตฟอร์มที่มาแรงและไม่เคยคลายความนิยมลงไปเลยก็คือ การสร้างเพจ Facebook ไว้ขายของ แต่การลงขายของในเฟสบุ๊คก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ใช่ทุกคนที่ขายของในเฟสบุ๊คแล้วจะขายดี ไหนจะต้องหาวิธีโปรโมท ไหนจะต้องโพสต์เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ วันนี้เรามาบอกถึงเทคนิคการขายของออนไลน์บนเฟสบุ๊ค ว่าจะต้องมีวิธีโพสต์ขายยังไงที่จะดึงความสนใจของลูกค้าได้มากที่สุด
1. โพสต์ให้ถูกที่ ถูกเวลา
การโพสต์ที่นั้นหมายถึงในกรณีที่คุณไม่ได้จะโพสต์ในหน้าแฟนเพจของตัวเอง แต่เลือกที่จะไปโพสต์ขายตามกลุ่มต่างๆ ที่มารวมตัวเพราะชื่นชอบในสิ่งเดียวกันในเฟสบุ๊ค ก็ต้องเลือกกลุ่มให้ถูกต้องและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของสินค้าด้วย
ในส่วนของการโพสต์ให้ถูกเวลาแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราจำเป็นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของเราว่ามีแนวโน้มที่จะเลื่อนดูฟีดในเฟสบุ๊คตอนเวลาประมาณกี่โมง
วันธรรมดา:
วันธรรมดาที่คนส่วนมากจะใช้เวลาไปกับการทำงานซะเป็นส่วนใหญ่ และอาจไม่มีเวลาว่างที่จะมานั่งเช็คเฟสบุ๊คมากนักแบบนี้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะโพสต์อาจแบ่งออกเป็นสามเวลาคือ เช้าตรู่ที่ผู้คนอาจใช้เวลาอยู่กับการเดินทางตั้งแต่เวลา 6:00 – 8:00 น. ช่วงเวลาพักกลางวันตั้งแต่เวลา 11:00 – 13:00 น. และช่วงหลังเลิกงานเป็นต้นไปประมาณ 19:00 – 21:00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ หรือ วันหยุด:
วันเสาร์-อาทิตย์ และ วันหยุดจะเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่อาจใช้เวลาไปกับการผ่อนคลาย และสามารถใช้มือถือและอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นการโพสต์จะโพสต์ในช่วงเวลาใดก็ได้ที่ไม่เช้ามากเกินไป นั่นก็เพราะอาจจะมีมนุษย์เงินเดือนที่เลือกที่จะผ่อนคลายด้วยการตื่นค่อนข้างสายนั่นเอง ช่วงเวลาที่เหมาะสมอาจโพสต์ได้ตั้งแต่ประมาณ 10:00 – 22:00 น.
ช่วงเวลาที่ไม่ควรโพสต์
หลายคนมองว่าการโพสต์ขายของนั้นไม่ควรโพสต์ช่วงเวลาที่ดึกมากจนเกินไป เพราะเป็นช่วงเวลาที่คนงดการเล่นมือถือและเข้านอนกันแล้ว อย่างไรก็ตาม หากว่าคุณคิดว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นกลุ่มนักศึกษาหรือวัยรุ่นที่มีแนวโน้มที่จะเข้านอนดึก ก็อาจจะเลือกโพสต์ในช่วงเวลาที่ดึกไปกว่า 22:00 น. ได้
นอกจากนี้อาจจะต้องลองคำนึงถึงช่วงเวลาระหว่างเดือน เช่น ช่วงปลายเดือนและต้นเดือนคือช่วงเงินเดือนออกสำหรับเหล่ามนุษย์เงินเดือน ในขณะที่ช่วงกลางเดือนอาจจะเป็นช่วงที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนนั้นประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นต้น
2. ระวังคำต้องห้าม จะถูกปิดการมองเห็น
เฟสบุ๊คนั้นมีอัลกอริทึ่มหรือระแบบตรวจสอบเนื้อหาที่ทำงานอย่างหนักในการคัดกรองเนื้อหาที่เข้าข่ายผิดกฎของเฟสบุ๊ค เช่น การโฆษณาเกินจริง ประเด็นทางสังคมที่ละเอียดอ่อน หรือเนื้อหาใดๆ ที่ (ระบบคัดกรองเข้าใจว่า) เข้าข่ายเป็นการหลอกลวง หรือเป็นภัยต่อสังคม โดยระบบการคัดกรองที่ชาญฉลาดของเฟสบุ๊คจะสามารถตรวจจับได้ตั้งแต่รูปภาพและกลุ่มคำ ตัวอย่างกลุ่มคำที่อาจทำให้โดนปิดการมองเห็น ได้แก่ เนื้อหาจำพวกอาหารเสริมและยาลดน้ำหนัก เช่น “ขาวไว” “ผอมไว” “เห็นผล 100%” “การันตี 100%” หรือ “ช่องทางรวย” เช่นนี้เป็นต้น
สามารถอ่าน Guidelines ฉบับเต็มจาก Facebook ได้ที่นี่
3. โพสต์ภาพสินค้าให้ดูดี แต่เหมือนจริง
ภาพถ่ายสินค้ามีผลเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้กับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะเมื่อไม่สามารถเห็นและสัมผัสสินค้าได้เอง การโพสต์รูปที่สร้างความรู้สึกเหมือนเห็นรายละเอียดสินค้าได้ชัดเจน จะสามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจที่จะซื้อ แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการตอบคำถามบางคำถามได้ด้วย สินค้าบางอย่างที่รับมาขาย อาจมีรูปภาพสำเร็จรูปที่สามารถนำมาใช้ได้เลย แต่ถ้าหากว่าตัวคุณสามารถสร้าง Gallery ภาพสินค้าในมุมต่างๆ ได้เพิ่มเติม ก็จะเป็นการดียิ่งขึ้นไปอีก เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้เห็นสินค้าจริงๆ
อย่าลืมว่าการถ่ายรูปสินค้านั้นรูปภาพที่ออกมาควรมีความคมชัดสูง จะต้องรู้มุม (ถ่ายหลายๆ มุม) และใช้แสง Natural Light และ/หรือการจัดไฟให้เป็นประโยชน์ เพราะเป็นแสงธรรมชาติที่หลอกตาน้อยที่สุด การแต่งสีรูปอาจจะทำให้รูปออกมาดูดี แต่อาจทำให้สีผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง และเกิดการคอมเพลนขึ้นมาในภายหลังได้
ท้ายที่สุดหากเป็นไปได้ก็อย่าลืมใส่ลายน้ำรูปภาพสินค้าเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของไวด้วย ป้องกันการถูกขโมยรูปสินค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ยิ่งถ้าหากมิจฉาชีพมาขโมยรูปเราไปหลอกขายของคงขำไม่ออก
4. โพสต์ข้อมูลสินค้าครบถ้วน
การแย่งความสนใจช่วงหนึ่งฝ่ามือจากลูกค้าได้ถือว่ายากมากแล้ว เพราะฉะนั้นหากเราทำให้ลูกค้าสนใจโพสต์ได้ก็ต้องถือโอกาสที่มีค่านี้บอกข้อมูลที่สำคัญให้ครบถ้วน เพื่อที่ลูกค้าจะได้ตัดสินใจได้ทันที บอกข้อมูลประเภทสินค้าให้ชัดเจน บอกว่าสินค้าจะมีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน บอกขนาด น้ำหนัก สี ความกว้าง ความสูง ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติต่างๆ ให้เรียบร้อย เรียกได้ว่าเอาให้เคลียร์ในโพสต์เดียวจบ ชนิดที่อ่านแล้วไม่ต้องมีคำถามอีก แต่ก็พยายามไม่ยืดเยื้อจนเกินไป
5. ถ้าโพสต์ขายในกลุ่ม ต้องเคารพกฎของกลุ่มด้วย
สำหรับในกลุ่มต่างๆ ที่รวมคนที่มีความสนใจเหมือน หรือใกล้เคียงกันไว้บนเฟสบุ๊คนั้น การเข้ากลุ่มเพื่อไปโพสต์ขายของก็ต้องดูให้ดีด้วยว่ากฎของกลุ่มมีอะไรบ้าง ถ้าหากกฎของกลุ่มบอกไว้ชัดเจนว่าห้ามขายของ เราก็ไม่ควรที่จะละเมิดกฎแล้วโพสต์ขายของ ในส่วนของกลุ่มที่ให้โพสต์ขายของได้ ก็ต้องดูกฎและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น สามารถโพสต์ขายสินค้าประเภทไหนได้บ้าง โพสต์ได้สัปดาห์ละกี่ครั้ง
6. อย่าลืมใช้คีย์เวิร์ดและแฮชแท็ก
อย่าลืมใส่คีย์เวิร์ดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า รวมไปถึงแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องด้วย การใส่คีย์เวิร์ดและแฮชแท็กนั้นสำคัญก็ตรงที่จุดประสงค์ในการใช้มันเพื่อค้นหา กลุ่มคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่มีความสนใจตรงกัน ซึ่งอาจเป็นการใช้ของยี่ห้อเดียวกัน รุ่นเดียวกัน หรือชอบสินค้าอะไรเหมือนกัน เผื่อการเข้ามาส่องแท็ก หรือการค้นหาด้วย Search Bar จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเห็นโพสต์ของเรานั่นเอง
7. โพสต์ราคาด้วย อย่าหมกเม็ด
นอกจากข้อมูลเกี่ยวกับตัวสินค้าแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ ราคาของสินค้านั่นเอง ซึ่งในอดีตนั้นร้านในเฟสบุ๊คมักจะไม่เปิดเผยราคาสินค้า เพราะกลัวคู่แข่งที่ขายสินค้าประเภทด้วยกันขายตัดราคา เลยคิดว่าให้ลูกค้าถามใน Inbox จะดีกว่า แต่ตอนนี้วิธีการปกปิดราคาเป็นเรื่องที่ล่าสมัยไปแล้ว นอกจากจะดูเป็นร้านที่หมกเม็ด เครดิตดูแย่ในสายตาของลูกค้า การปกปิดราคาสินค้ายังผิดพรบ.อีกด้วย
8. ถือคติโพสต์ให้เหมือนที่เราอยากเห็น
เอาเป็นว่าตอนโพสต์นั้นให้ลองจินตนาการว่าถ้าเราเป็นคนที่เลื่อนผ่านมาเห็น เราจะสนใจโพสต์นี้ของเราไหม แล้วถ้าหากสนใจแล้วลองอ่านรายละเอียด เราจะอยากซื้อหรือเปล่า หรือเรายังมีคำถามคาใจอะไรในสินค้าไหม การเอาตัวเราเองไปแทนที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เลื่อนผ่านมาเห็น จะช่วยให้เราได้เห็นมุมมองจากอีกมุมมองหนึ่ง ดังนั้นให้จำให้ขึ้นใจว่าให้เราโพสต์เหมือนที่เราเองอยากเห็น
ลองนำ 8 วิธีโพสต์ขายของใน Facebook ไปปรับใช้กับเพจของคุณดู รับรองเลยว่าจะทำให้การขายของออนไลน์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสิ่งสำคัญที่จะตามมาก็คือ ‘ยอดขาย’ ที่มันสามารถจะสร้างรายได้ให้คุณและทำให้เพจของคุณเติบโตได้
ทั้งหมดนี้ เป็นคำแนะนำเบื้องต้นจากเสิร์ชสตูดิโอ เราหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปปรับใช้สำหรับใครที่กำลังจะเปิดร้านหรือเพจบน Facebook กันนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ทุกคน
หากต้องการบริการรับทำ SEO และ Technical SEO ที่มีคุณภาพสูงและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญติดต่อเราได้ที่นี่เลยค่ะ