การทำธุรกิจทุกประเภทไม่ใช่แค่สินค้า บริการดี มีคุณภาพ หรือบริหารต้นทุน บริหารพนักงานเก่งเท่านั้น แต่เรื่องของการตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนี่คือกระบวนการสร้างการรับรู้ให้กับผู้คนไปจนถึงกระตุ้นความสนใจและอยากให้เกิดการซื้อมากขึ้น ยิ่งทำออกมาดีเท่าไหร่นั่นหมายถึงโอกาสเอาชนะคู่แข่งย่อมสูงตามไปด้วย วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกันให้ชัดเจนว่าช่องทางการตลาด หรือ Marketing Channel คืออะไร แล้วมีกลยุทธ์ไหนน่าสนใจบ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้พินิจพิจารณาและเลือกกลยุทธ์ช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนได้
ช่องทางการตลาด คืออะไร
ช่องทางการตลาด คือ ช่องทางที่ธุรกิจจะต้องใช้งานเพื่อสื่อสาร พูดคุย ติดต่อไปยังกลุ่มลูกค้ารวมถึงบรรดากลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคตผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ขึ้นอยู่กับรูปแบบในแต่ละสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นหากทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ช่องทางการตลาด รวมถึงศึกษาให้ชัดเจนว่าช่องทางการเข้าถึงลูกค้ามีอะไรบ้าง แล้วปรับใช้อย่างเหมาะสมย่อมช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตของธุรกิจได้มากขึ้นกว่าเดิม
กลยุทธ์ช่องทางการตลาด คืออะไร
กลยุทธ์ช่องทางการตลาด คือ รูปแบบของการใช้เทคนิค ขั้นตอน กระบวนการต่าง ๆ ซึ่งมีการวิเคราะห์อย่างเหมาะสมและดำเนินการผ่านช่องทางการตลาดที่ธุรกิจจะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเปลี่ยนคนเหล่านี้ให้กลายเป็นลูกค้าไปจนถึงทำให้ลูกค้าเดิมกลับมาซื้อซ้ำ เปลี่ยนสถานะสู่ลูกค้าประจำ และยังเกิดการบอกต่อแบบ Mouth of Word ได้
ซึ่งตรงนี้ต้องเข้าใจด้วยว่าประเภทของสินค้า บริการ ไปจนถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละ Segment จะมีความแตกต่างกันออกไป จึงต้องอาศัยการศึกษา วิเคราะห์ และประเมินเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ดีที่สุด แล้วกลยุทธ์ช่องทางการตลาดมีอะไรบ้าง นี่คือสิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ช่องทางการตลาดมีกี่ช่องทาง ใช้กลยุทธ์ไหนเหมาะมากที่สุด
ปัจจุบันช่องทางการตลาดจะแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ นั่นคือ การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) และ การตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing) ซึ่งกลยุทธ์ที่จะใช้ย่อมแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสม
1. การตลาดออนไลน์ (Online Marketing)
เป็นช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันเนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้คนบวกกับเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตมากขึ้น ซึ่งหลักของกลยุทธ์การตลาดออนไลน์จะมีด้วยกัน 2 เทคนิค ได้แก่
1.1 การตลาดแบบดึงดูด (Disruptive Marketing)
การพยายามนำเสนอข้อมูล โปรโมชั่น รีวิว และเทคนิคอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจและอยากเข้ามาลองซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น การทำโฆษณาทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นยิง Ads Facebook, Google Ads, YouTube Ads การจ้าง Influencer หรือแม้แต่การทำ Email Marketing ก็รวมอยู่ในกลยุทธ์นี้ด้วยเช่นกัน
1.2 การตลาดแบบตอบสนองความต้องการ (Need-Based Marketing)
ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เทคนิคการสร้างความรู้ ความพึงพอใจ จนทำให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นคุณค่าของสินค้าหรือบริการเหล่านั้น และตัดสินใจซื้อเพื่อแก้ไขปัญหาที่ตนเองกำลังพบเจอ หรือเพื่อลดความเสี่ยงต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ทำด้วยเทคนิคนี้มักถูกจัดอยู่ในกลุ่มการทำ SEO การทำ Blog ไปจนถึงคลิปวิดีโอ ภาพนิ่งแนว Content Marketing ที่บอกเล่าถึงประสบการณ์จริง ความน่ากลัว อันตราย ไปจนถึงแนวทาง วิธีป้องกัน การดูแลรักษา เทคนิคต่าง ๆ เป็นต้น
2. การตลาดออฟไลน์ (Offline Marketing)
นี่คือรูปแบบการตลาดดั้งเดิมที่เคยใช้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคที่อินเทอร์เน็ตยังไม่เฟื่องฟู แม้ปัจจุบันอาจถูกลดความสำคัญลงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายธุรกิจยังคงเลือกใช้งานกันอยู่พอสมควรเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งช่องทางออฟไลน์มีทั้งป้ายบิลบอร์ด ป้ายโฆษณาตามท้องถนน โบชัวร์ การลงโฆษณาผ่านวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ การออกบูท อีเว้นท์ต่าง ๆ การซื้อโฆษณารถสาธารณะ ไปจนถึงการใช้พนักงานขายเพื่อเข้าหาลูกค้า เป็นต้น
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การตลาดออฟไลน์ส่วนมากก็จะเน้นเรื่องของการใช้คำ วลี หรือภาพที่สะดุดตา เกิดความแตกต่าง ไปจนถึงการแจกสินค้าตัวอย่าง ซึ่งการวัดผลอาจเป็นเรื่องยากสักเล็กน้อยแต่คนกลุ่มใหญ่ก็จะรับรู้แม้พวกเขาไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตก็ตาม เสมือนการโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบหว่านแหตามช่องทางที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายมีโอกาสเปลี่ยนเป็นลูกค้า เช่น การติดโฆษณาบ้านบนป้ายบิลบอร์ดบริเวณทางด่วนที่มีคนใช้รถสัญจรเยอะ คนกลุ่มนี้แม้มีอยู่หลาย Segment แต่ก็มีโอกาสไม่น้อยที่บางคนจะมองเห็นแล้วเกิดความสนใจ การออกบูทงานอาหาร-เครื่องดื่ม มีการให้ทดลองชิมสินค้าตัวใหม่ เป็นต้น
บทสรุป
ตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าใจความหมายของกลยุทธ์ช่องทางการตลาด รวมถึงความแตกต่างและความน่าสนใจของกลยุทธ์ช่องทางการตลาดกันไปบ้างแล้ว อย่าลืมประเมินว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับช่องทางแบบไหน หรือจะเลือกใช้หลายกลยุทธ์ร่วมกันก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องมีความจริงใจ ใส่ใจ และมอบสิ่งดีที่สุดให้กับลูกค้าเท่านั้น เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นที่รู้จักไปอีกนานแสนนาน