SEO

“Keyword” ตัวแปรสำคัญที่คนทำ SEO ไม่รู้ไม่ได้

Fast To Read

เมื่อการทำ Marketing Online กลายเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจยุคปัจจุบันจึงปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าหนึ่งในกลยุทธ์ที่นักการตลาดออนไลน์จำนวนมากเลือกต้องยกให้กับ การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ซึ่งก็คือการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ติดอันดับดีๆ บน Google เพื่อให้มียอดเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น ช่วยขยายฐานลูกค้าและยกระดับความก้าวหน้าให้กับธุรกิจ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ “คีย์เวิร์ด”กลายเป็นคำที่ทุกคนให้ความสนใจ เพราะ keyword คือส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการทำ SEO

อย่างไรก็ตาม ทุกคนเคยสงสัยหรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว Keyword คืออะไร มีความสำคัญสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญในการทำ SEO รวมทั้งผู้ที่เริ่มทำ SEO มากแค่ไหน แล้วสามารถใช้โปรแกรมใดค้นหาได้บ้าง ในบทความนี้ เราได้รวบรวมข้อมูลที่ทุกคนควรรู้ในการทำ SEO โดยขอเจาะจงไปที่ keyword ลองติดตามข้อมูลกันได้เลยค่ะ 😊

ตอบข้อสงสัย "Keyword" คืออะไร

Keyword คืออะไร

Keyword คือ คำที่มีความเฉพาะในการบ่งบอกถึงบางสิ่ง และอาจมีการเพิ่มเติมวลีสั้น ๆ ให้คำดังกล่าวตรงประเด็นเพื่อการค้นหาข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของผู้ที่ใช้เว็บ Search Engine เมื่อคนกลุ่มนี้พิมพ์คำหรือวลีสั้นใด ๆ ก็ตามลงไปบนช่อง search เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องทั้งหมดโดยเฉพาะเว็บที่มีการใช้คำนั้นอย่างถูกหลักการ SEO ก็จะถูกแนะนำขึ้น

ดังนั้นหากอธิบายให้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในเชิงธุรกิจ Keyword จะเปรียบได้กับตัวเชื่อมระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายให้มาเจอกันผ่านโลกออนไลน์ด้วยช่องทางเว็บไซต์ และยังสามารถบ่งบอกแนวโน้มในอนาคตเกี่ยวกับการทำการตลาดเพื่อให้ตอบโจทย์เทรนด์กลุ่มเป้าหมายด้วยค่ะ

ความสำคัญของ “คีย์เวิร์ด” สำหรับธุรกิจออนไลน์

Keyword คืออะไร

อย่างที่อธิบายไปนะคะ “คีย์เวิร์ด” เปรียบเสมือนตัวกลางที่คอยเชื่อม 2 ฝ่ายทั้งผู้ซื้อและผู้ขายให้มาเจอกันผ่านโลกออนไลน์ นั่นจึงหมายถึงโอกาสที่ธุรกิจจะได้ลูกค้าเพิ่ม กระตุ้นยอดขาย สร้างผลกำไร ไปจนถึงเพิ่มการรับรู้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกกรณี ยิ่งหากคุณสามารถค้นหา Keywords สำหรับการทำ SEO ที่มีคุณภาพ คน Search เยอะ แต่การแข่งขันไม่สูงมากได้สำเร็จ การเติบโตของธุรกิจย่อมเดินไปสู่ทิศทางที่มั่นคงโดยใช้ต้นทุนถูกกว่าคู่แข่งรายอื่น 

ประเภทของ Keywords สำหรับการทำ SEO ยอดนิยม

Keyword คืออะไร

ต้องยอมรับว่านักการตลาดออนไลน์จำนวนมากได้พยายามสรุปประเภทของ Keywords สำหรับการทำ SEO เอาไว้ตามแนวทางที่เหมาะสม ลักษณะของชื่อเรียกหรือความหมายอาจมีการปรับบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าสรุปประเภทที่ใช้งานกันประจำจะต้องถูกจัดอยู่กลุ่มเหล่านี้แบบไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ

  • Mass Keyword

จะเรียก Short Keyword, Head Keyword หรือ Seed Keyword ก็ถือว่าเป็นกลุ่มคีย์เวิร์ดในความหมายเดียวกันทั้งหมด นั่นคือ คำที่ระบุถึงสิ่งต่าง ๆ ในภาพรวมเป็นวงกว้าง ไม่ได้มีการเฉพาะเจาะจงถึงรุ่น แบรนด์ ประเภทสินค้า / บริการใดเป็นพิเศษ เช่น ร้านอาหาร รองเท้า รถยนต์ สปา ส่งผลให้ Volume หรือจำนวนการค้นหาของคำกลุ่มนี้จะสูง คู่แข่งเยอะ จึงไม่ค่อยนิยมใช้กันสักเท่าใดนัก

  • Niche Keyword

บางคนอาจเรียก Body Keyword, Medium Tail Keyword หรือ Mid Tail Keyword ก็ได้ความหมายลักษณะเดียวกันค่ะ กลุ่มคีย์เวิร์ดนี้จะมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นจนบางครั้งอาจเปลี่ยนการเรียกจากคำมาเป็นวลีแทน สามารถนำมาใช้ในเชิง SEO เพื่อแยกหมวดหมู่หรือประเภทสินค้า / บริการที่ธุรกิจทำอยู่ ปริมาณการค้นหาและการแข่งขันมักอยู่ในระดับกลาง ใช้งานได้ดีกว่าแบบแรก เช่น รองเท้าฟุตบอล รถกระบะ 4 ประตู นวดแผนไทย ร้านอาหารตามสั่ง เป็นต้น

  • Long Tail Keyword

คีย์เวิร์ดประเภทสุดท้ายจะมีการนำเอาคำมากกว่า 2-3 คำ มารวมกันให้กลายเป็นวลีที่มีความเฉพาะเจาะจงต่อสิ่งเหล่านั้นสูงมาก อาจเป็นได้ทั้งการตั้งคำถาม การใช้วลีที่คนทั่วไปคุ้นเคยเพื่อต้องการค้นหาข้อมูลให้แคบลง เช่น รองเท้าผ้าใบสีขาว ยี่ห้อไหนดี รองเท้าผ้าใบสีขาวผู้ชายใส่สบาย ผ้าพันคอผู้หญิง ลายการ์ตูน โดเรมอน เป็นต้น ไปจนถึงการใช้คำเพื่อระบุตัวตนของสิ่งนั้น ๆ แบบชัดเจนไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อ รุ่น ขนาด สี เช่น กีตาร์โปร่ง Yamaha F310, รถ 5 ประตู Honda City สีดำมือสอง เป็นต้น ปริมาณ Search Volume ของ Keyword ประเภทนี้จะขึ้นอยู่กับเทรนด์ของสิ่งที่ค้นหาจึงมีได้ทั้งสูง กลาง และต่ำ

8 โปรแกรมหา Keyword ที่ดีที่สุดสำหรับ SEO

เรียกได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากที่สุดของการทำ SEO เลยก็ว่าได้ กับ “การทำคีย์เวิร์ดรีเสริช (Keyword Research)” เพราะการทำคีย์เวิร์ดรีเสริช (และนำคีย์เวิร์ดที่ได้ไปปรับใช้) ​นั้นเป็นตัวช่วยพาเว็บไซต์ของเราให้ไปปรากฎอยู่ในผลการค้นหา ทำให้ลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายเจอเราบน Google 

การจะเจอคีย์เวิร์ดที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้ค้นหาบน Google นั้นไม่ทำได้ไม่อยาก เพียงแต่ต้องมีเครื่องมือหรือโปรแกรมเข้ามาช่วยด้วย วันนี้โนเรียรวบรวมคัดสรรเอาโปรแกรมค้นหา Keyword ที่ดีที่สุด 8 โปรแกรม ซึ่งล้วนแต่เป็นโปรแกรมที่ทีมงานของเราเคยใช้งานมาแล้วทั้งนั้นค่ะ ตัวไหนดีมีข้อดีข้อด้อยต่างกันยังไง ตัวไหนเหมาะกับมือใหม่ ลองมาดูกันเลย!

โปรแกรมหา Keyword แบบจ่ายเงินสำหรับมือโปร

มาเริ่มกันที่โปรแกรมหา Keyword ที่ดีที่สุดจากบริษัทดังในวงการ SEO กันก่อน เครื่องมือบางส่วนในลิสท์นี้นอกจากการหาคีย์เวิร์ดแล้ว ยังสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับใช้งานในกลุ่มบริษัทดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่

SEMRush

SEMrush เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมาก และมีผู้ใช้มากมายทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง หรือธุรกิจสตาร์ทอัพต่างๆ เมื่อพูดถึงเครื่องมือในการค้นหาคีย์เวิร์ดทุกคนจะนึกถึงเครื่องมือนี้เป็นอับดับแรกๆ จะว่าคร่ำหวอดอยู่ในวงการนานเป็น 10 ปีก็ด้วย แต่เหตุผลสำคัญจริงๆ ก็เพราะ SEMrush เป็นเครื่องมือที่ทำอะไรได้หลายอย่างมากจริงๆ 

จุดเด่น: 

  • มีการประเมินเว็บไซต์แบบ Quick Analysis ให้เห็นถึงภาพรวม
  • ช่วยเว็บไซต์คุณเห็นว่าคู่แข่งติดอันดับด้วยคีย์เวิร์ดไหน เพื่อให้คุณวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่ควรใช้ในการดึงอันดับของตัวเอง
  • นอกจากจะเป็นเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดแล้ว ยังสามารถติดตามอันดับของเว็บไซต์ เพื่อดูพัฒนาการคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์กำลังติดอันดับด้วยได้
  • สามารถเปรียบเทียบข้อมูลอันดับคีย์เวิร์ดเชิงลึกของเว็บไซต์หลายเว็บไซต์ ทั้งใน Google Search, Google Ads และ Google Shopping ได้
  • สามารถดูประวัติของอันดับคีย์เวิร์ดย้อนหลังได้

ราคา: 

SEMrush มีแพลนแบบจ่ายเงิน 4 แพลน ดังนี้

  • Pro – เริ่มต้นที่ $83 ต่อเดือน
  • Guru – เริ่มต้นที่ $166 ต่อเดือน
  • Business – เริ่มต้นที่ $333 ต่อเดือน
  • Enterprise – เป็นแบบ custom plan ได้โดยตรงกับ SEMrush

 

SEMrush มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ ถ้าใช้แล้วโดนใจค่อยซื้อแพลนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง

Ahrefs

ใครที่วนเวียนอยู่ในวงการดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งจะต้องคุ้นหูคุ้นตากับเครื่องมือที่มีชื่อโดดเด่นไม่เหมือนใครอย่าง Ahrefs (อ่านว่า เอชเรฟส์ หรือ เอเอชเรฟส์ ก็ได้) แน่ๆ เพราะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดติดอันดับต้นๆ มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาเครื่องมือแบบจ่ายเงินทั้งหมด เพราะมีข้อมูลคีย์เวิร์ดมากถึง 5.1 พันล้านคีย์เวิร์ด เก็บข้อมูลจากใน 200 ประเทศ ได้รับความไว้วางใจจากเอเจนซี่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะมากเป็นพิเศษสำหรับคนทำคอนเทนต์

จุดเด่น: 

  • คะแนนความยากของคีย์เวิร์ด หรือ Keyword Difficulty มีความเที่ยงตรงสูงมาก
  • นอกเหนือจากข้อมูลจำนวนเสริชต่อเดือน (Search Volume) เครื่องมือนี้ใช้การเก็บข้อมูลที่ไม่เหมือนใคร เพื่อเน้นนำเสนอข้อมูล Click Metrics ซึ่งเป็นตัวชี้วัดฉบับของ Ahrefs ให้เราดูประกอบการพิจารณาเลือกคีย์เวิร์ด
  • มีเครื่องมีที่ชื่อว่า Content Gap ช่วยวิเคราะห์ว่าเว็บของคุณ ยังสามารถทำคอนเทนต์ใดได้อีก เพื่อแข่งขันกับเว็บของคู่แข่ง
  • มีฟีเจอร์ใกล้เคียงกับ SEMrush ตรงที่ช่วยติดตามอันดับของเว็บไซต์ สร้างโปรเจคได้สะดวกง่ายดาย เรียกว่าทำได้หลายอย่างในเครื่องมือเดียว
  • เครื่องมือมีหน้าตาที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน ใช้งานง่ายมาก

ราคา: 

  • เริ่มต้นที่ $99 ต่อเดือน สำหรับแพลนแบบ Lite 

Ahrefs มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ ถ้าใช้แล้วโดนใจค่อยซื้อแพลนในแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง

Moz Keyword Explorer

บริษัทนี้เรียกได้ว่าคร่ำหวอดอยู่ในวงการ SEO มานานกว่าใครเพื่อน มีเครื่องไม้เครื่องมือเจ๋งๆ ที่ช่วยให้นักการตลาดที่ทำงานด้านนี้สะดวกสบายมากขึ้นมานักต่อนัก และเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดอย่างเจ้า Moz Keyword Explorer ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

หมายเหตุ: เครื่องมือนี้จะเน้นเฉพาะการค้นหาคีย์เวิร์ด แต่ไม่ได้มีฟีเจอร์ที่จะช่วยจัดการหรือติดตามคีย์เวิร์ดแบบเครื่องมือที่กล่าวไปข้างต้นอย่าง SEMrush และ Ahrefs 

จุดเด่น: 

  • นำเสนอข้อมูลเชิงลึกของคีย์เวิร์ดโดยเน้นที่คะแนน Organic CTR (Organic Click Through Rate) กับคะแนน Priority ที่เป็นการผสมผสานข้อมูลจำพวกอัตราการคลิก (CTR) คะแนนความยากของคีย์เวิร์ด (Keyword Difficulty) และจำนวนคนเสริชต่อเดือน (Search Volume) เพื่อให้ได้ชุดคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจที่สุดออกมา
  • สามารถหาคีย์เวิร์ดผ่าน URL ของเว็บไซต์ได้ คล้ายๆ กับเครื่องมือสองอันก่อนหน้านี้
  • มีเครื่องมือ Keyword Suggestions พร้อมการ Filter ที่จะช่วยให้การค้นหาคีย์เวิร์ดทำได้สะดวกมากขึ้น
  • สามารถค้นหาฟรีได้ 10 ครั้งใน 1 เดือนสำหรับคนที่ใช้บัญชีแบบฟรี

ราคา: 

  • เริ่มต้นที่ $99 ต่อเดือน สำหรับแพลนแบบ Standard 

Moz Keyword Explorer มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้ 1 เดือนเต็ม 

 

KWFinder

เครื่องมือนี้ก็เหมือนกับ Moz Keyword Explorer ตรงที่เน้นการค้นหาคีย์เวิร์ดโดยเฉพาะ ไม่ได้มีฟีเจอร์ในการดูแลหรือติดตามและพัฒนาการของอับดับใน Google แน่นอนว่าถ้าเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ ข้างต้น KW Finder ดูจะเป็นน้องใหม่ที่ตลาด ไม่ได้เก๋าเกม หรืออยู่มานานแบบใคร แต่ก็นับเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะเครื่องมือที่ให้บริการนั้นดีจริง

จุดเด่น: 

  • มีตัวเลือกให้หาแบบ Question-based Keyword Research เพื่อให้ง่ายต่อการหาคำถามที่ผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจจริงๆ
  • ง่ายต่อการหา Long Tail Keywords
  • หน้าตาของเว็บสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
  • สามารถใช้งานได้ฟรีได้ แต่จำกัดจำนวนครั้ง
  • ใช้งานได้ในราคาที่เอื้อมถึง

ราคา: 

  • Basic – $29.90 ต่อเดือน
  • Premium – $39.90 ต่อเดือน
  • Agency – $79.90 ต่อเดือน

KWFinder มีแบบ Trial ให้ลองใช้ฟรีกันได้นาน 10 วัน 

โปรแกรมหา Keyword แบบฟรีที่ดีที่สุด

ต่อไปมาดูกันที่โปรแกรมหา Keyword แบบที่ใช้งานได้ฟรีกันดูบ้าง ของฟรีและมีคุณภาพมีอยู่จริงๆ แถมเครื่องมือบางอันในนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจาก Google เอง ทำให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือสูงมาก

 

เครื่องมือนี้เป็นของ Google โดยตรงที่ผูกอยู่กับบัญชีการใช้งาน Google Ads (หรือที่เมื่อก่อนเรียกว่า Google Adwords) ทำให้มั่นใจในความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ และก็เป็นเครื่องมือที่เหล่านักการตลาดออนไลน์ใช้กันมานานก่อนที่จะมี tools ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหวอย่างในปัจจุบันนี้

จุดเด่น:

  • เหมาะกับสำหรับคนที่เพิ่มเริ่มต้น ยังไม่มีงบที่จะลงทุนในเครื่องมือที่ Advanced เจ้าตัว Google Keyword Planner ถือเป็นเครื่องมือระดับ Advanced ที่เปิดให้ใช้ได้ฟรี
  • มีข้อมูลจำนวนการค้นหาต่อเดือนที่แม่นยำ (Search Volume)
  • สามารถใช้งานได้ฟรีได้ แต่การแสดง Search Volume ของบัญชีผู้ใช้ที่ไม่ได้มีการสร้างและใช้งานแคมเปญ Ads อยู่จะแสดงผลเป็น Range แทนที่ตัวเลขแบบเป๊ะๆ

ราคา: 

  • ฟรี

Google Trends

เครื่องมือนี้เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือจาก Google โดยตรงที่ทุกคนสามารถเข้าไปใช้งานได้ฟรี แน่นอนว่าพอมาจาก Google คะแนนความน่าเชื่อถือก็ได้ไปเต็ม ตามชื่อเครื่องมือเลยก็คือจะจำเพาะเหมาะสำหรับการดูเทรนด์ของการเสริชหามากกว่าเครื่องมือแบบอื่นๆ ที่จะเป็นการเสริชแบบทั่วไปมากกว่า

จุดเด่น: 

  • เหมาะกับการค้นหาข้อมูลแบบเป็นคำๆ มากกว่าเป็นกรุ๊ป สามารถนำคำค้นหาหรือคีย์เวิร์ดที่ต้องการมาเปรียบเทียบความนิยมกันได้ โดยคะแนนความนิยมจาก 1-100 (100 คือความนิยมสูงสุด)
  • สามารถค้นหาข้อมูลโดนเจาะลึกไปที่ภูมิภาค/เขตได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถเจาะลึกว่าเป็นการค้นหาผ่านอุปกรณ์อะไร
  • มีลักษณะเป็นกราฟแบบ Responsive เห็นภาพชัดเจน
  • แม้ Google Trends จะไม่มีข้อมูลจำพวก Keyword Difficulty หรือ CTR แบบเครื่องมืออื่นๆ แต่จะมีสรุปให้ด้วยว่า ณ ขณะนั้น คำเสริชอะไรที่กำลังเป็นเทรนด์อยู่บน Google ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เครื่องมืออื่นไม่มี

ราคา:

  •  ฟรี

Answer the Public

เครื่องมือนี้เป็นเครื่องมือดีๆ อีกหนึ่งอันที่เหมาะสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดยาวหรือคีย์เวิร์ดแบบเป็นคำถาม (Long Tail Keywords) ได้ง่ายๆ จากการพิมพ์คีย์เวิร์ดแบบสั้นๆ ที่ต้องการลงไป

จุดเด่น: 

  • เหมาะสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดแบบยาว คีย์เวิร์ดเชิงคำถาม ตามภูมิภาค ประเทศ และภาษา
  • เหมาะสำหรับการค้นหาไอเดียกว้างๆ มากกว่าการค้นหาข้อมูลเชิงลึกแบบจริงจัง
  • แบบฟรีนั้นจะค้นหาได้วันละไม่เกิน 3 ครั้ง

ราคา: 

  • ฟรี (แต่มีการจำกัดจำนวนครั้งในการเสริช) อยากอัปเกรดเริ่มต้นที่ $99 บาท

KeywordTool.io

เครื่องมือหน้าตาใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เข้าไปหน้าเว็บก็สามารถเริ่มใช้งานได้เลย หน้าตาของข้อมูลที่ได้ออกมานั้นเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างจากข้อมูลของเครื่องมือดีๆ อย่าง Google Keyword Planner เลย

จุดเด่น: 

  • เหมาะกับการค้นหาคีย์เวิร์ดแบบที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดนั้นๆ เยอะๆ
  • ใช้งานง่ายมาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น (ง่ายกว่า Google Keyword Planner)
  • เหมาะสำหรับใครที่อยากค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ด โดยแยกตามชนิดของเสริชเอนจิ้น เช่น Google, Bing, Yahoo, Youtube เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับใครที่อยากค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ด โดยแยกตามชนิดของแพลตฟอร์ม เช่น Amazon, App Store, Instagram เป็นต้น

ราคา: 

  • ฟรี (แต่ก็ไม่ทั้งหมด) อยากอัปเกรดเริ่มต้นที่ $69 บาท
Keyword คืออะไร

ของดีราคาถูกที่อยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ใช้งานกันค่ะ ความพิเศษคือฟีเจอร์สำหรับใช้ทำ SEO จัดว่าครบเครื่องมาก เพราะต้องเข้าใจว่ากลยุทธ์การตลาดประเภทนี้ไม่ใช่แค่หา Keyword ที่ดีแล้วจะเพอร์เฟกต์ แต่ทุกอย่างต้องลงตัว นั่นทำให้ตัวโปรแกรมมีการพัฒนาฟีเจอร์น่าสนใจ เช่น Traffic Analyzer, SEO Analyzer มาให้ใช้งานกันด้วย

สรุป

  • โปรแกรม/เครื่องมือทำได้หลายอย่างครอบจักรวาล – SEMrush
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เหมาะสำหรับมือใหม่ – KeywordTool.io
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เหมาะสำหรับมือใหม่ และฟรี – Google Keyword Planner (หน้าตาโปรแกรมใช้งานยากกว่า KeywordTool.io เล็กน้อย เพราะต้องเข้าผ่านบัญชีผู้ใช้งาน Google Ads)
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เหมาะสำหรับคนทำคอนเทนต์มืออาชีพ – Ahrefs
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่ราคาถูกที่สุด (ไม่นับแบบฟรี) – KwFinder
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เน้นการค้นหาคีย์เวิร์ดบนหลายแพลตฟอร์ม – KeywordTool.io
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เน้นการดูเทรนด์การเสริช – Google Trends
  • โปรแกรม/เครื่องมือที่เน้นการหาคำถามและ Long Tail Keywords – KwFinder, Answer The Public

การรีวิวโปรแกรม/เครื่องมือในการค้นหา Keyword ที่ดีที่สุด ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ฝนเชื่อว่ายังมีเครื่องมือในการทำคีย์เวิร์ดรีเสริชดีๆ อีกมากมายในท้องตลาดที่เรายังไม่ได้เอ่ยถึงในลิสท์ ฝนจะค่อยๆ ทยอยนำมาอัปเดตให้ฟังกันอีกทีหนึ่งนะคะ 

จะเลือกคีย์เวิร์ดเพื่อใช้งาน สังเกตยังไงบ้าง

Keyword คืออะไร

อีกคำถามของคนทำ SEO มือใหม่ หรือแม้แต่คนมีประสบการณ์บ่อยครั้งก็ยังอาจมีข้อผิดพลาดในการเลือกใช้คีย์เวิร์ดได้บ้างนะคะ จึงอยากอธิบายเกี่ยวกับเทคนิคดี ๆ เพื่อเลือก Keywords สำหรับการทำ SEO ให้ผลลัพธ์ออกมาตรงกับความคาดหวังและน่าพึงพอใจสูงสุด

  • ต้องเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าตนเองทำธุรกิจประเภทใด มีสินค้า / บริการรุ่นไหนบ้าง ดังนั้นประเภท Keyword แรกที่ควรค้นหานั่นคือคำที่เฉพาะเจาะจงสื่อถึงธุรกิจของตนเองให้ชัดเจนค่ะ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ปิ่นเกล้า, ขายกีตาร์ไฟฟ้า Fender, รับผลิตสบู่ OEM บางปู 

  • ปริมาณที่มีการค้นหา

เมื่อมีคำในใจเบื้องต้นแล้วว่าอยากใช้คำไหนบ้าง หลักการต่อมาให้ใช้โปรแกรมค้นหา Keyword ตามที่แนะนำไปเพื่อดูปริมาณการค้นหาของคำที่ตนเองคิดว่าเยอะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคีย์ที่จะตอบโจทย์ธุรกิจมากสุดต้องอยู่ตรงกลางระหว่าง ไม่เยอะเกินไปเพราะโอกาสสู้กับคู่แข่งที่ทำ SEO มาก่อนถือว่ายากและใช้เวลานาน แต่ถ้าน้อยเกินไปนั่นเท่ากับแทบไม่มีคนสนใจคำนั้นเลย ทำไปก็เสียเงิน เสียเวลาฟรีเปล่า ๆ

  • คำที่กำลังเป็นเทรนด์

หากธุรกิจของคุณมีช่วงจังหวะที่ผู้คนกำลังพูดถึง ได้รับความนิยม หรือกำลังอยู่ในเทรนด์ การเลือกใช้คำที่เกี่ยวข้องอาจไม่ใช่คีย์ที่ตรงตัวกับธุรกิจก็มีสิทธิ์ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนกันนะคะ เช่น กระแสของรถยนต์ไฟฟ้า ก็ให้ใช้คีย์ “รถยนต์ไฟฟ้า” เป็น Mass Keyword หลัก จากนั้นจะเพิ่มคำไหนลงไปให้เกิดวลีที่คนมักนึกถึงก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเลย

  • Long Tail Keyword เชิงคำถามหรือให้คำแนะนำ

คนยุคใหม่ก่อนตัดสินใจซื้อสิ่งใดก็ตามพวกเขามักค้นหาข้อมูลก่อนเสมอค่ะ ดังนั้นการเพิ่มเติมหางของคีย์เวิร์ดเข้าไปในลักษณะการตั้งคำถามหรือให้คำแนะนำ เช่น แว่นดำ ยี่ห้อไหนดี, มือถือซัมซุง รุ่นไหนดี, ที่พักหัวหินติดทะเล, ร้านอาหารเกาหลี ราชพฤกษ์ ฯลฯ โอกาสที่เว็บของคุณจะติดอันดับด้วยคำเหล่านี้และลูกค้าตัดสินใจซื้อก็มีอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ

Keyword คืออะไร

บทสรุป

ตอนนี้ทุกคนคงได้เข้าใจไปบ้างแล้วว่าสรุปแล้ว Keyword คืออะไร สำคัญอย่างไร มีโปรแกรมใดเหมาะจะใช้ค้นหา Keywords บ้าง รวมถึงเทคนิคในการคัดเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและตอบโจทย์ด้วยข้อมูลทั้งหมดที่เรานำมาบอกต่อให้กับทุกคนเข้าใจมากขึ้นในวันนี้ เพราะ keyword มีความสำคัญมากสำหรับการที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับบน search engines การเลือก keyword ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหรือ keyword ที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจจึงสำคัญอย่างยิ่ง ลองศึกษาเกี่ยวกับ keyword และการทำ SEO แล้วลองนำไปปรับใช้กันได้เลยค่ะ  

สำหรับใครที่อยากปรับปรุงเว็บไซต์ให้ SEO-friendly แต่ไม่มีเวลาทำเอง และกำลังมองหาแพ็คเกจ SEO ราคาสมเหตุสมผลในยุคเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองแบบนี้ ลองติดต่อมาคุยกับทีมงานของเราดูนะคะ พวกเราเชี่ยวชาญการทำ SEO เพื่อดึงอันดับและเพิ่ม Traffic ให้กับลูกค้าค่ะ

Written By

ฝนทำ SEO มามากกว่าสิบปีและยังคงหลงใหลในงานนี้มาก ฝนเป็นคนที่มีนิสัยรักการวางแผน ดังนั้น SEO จึงเข้ากับบุคลิกของฝนได้เป็นอย่างดี ฝนให้ความสำคัญกับการเติบโตที่ค่อยเป็นค่อยไป ความอดทน และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงาน SEO นอกจากความเชี่ยวชาญในวิชาชีพแล้ว ฝนยังเป็นนักอ่านและนักเขียนตัวยง มักจะแบ่งปันมุมมองในเรื่องต่างๆ ในเวลาว่าง ฝนชอบทดลองทำอาหารใหม่ๆ ติดตามฝนได้บน LinkedIn
Views
Recommend Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.