SEO

ขยายกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไปทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ International SEO

Fast To Read

หนึ่งในเป้าหมายหลักของการสร้างเว็บไซต์คือการเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้ามาพบแบรนด์ของเราให้มากที่สุด ซึ่งการทำ SEO เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโปรโมทเว็บไซต์และเพิ่ม Traffic ผ่านการสร้างคอนเทนต์และการใช้คีย์เวิร์ด เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา Google

แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากเข้าถึงเฉพาะลูกค้าในประเทศไทยเท่านั้น แต่อยาก “ขยายตลาดไปต่างประเทศ” ด้วย การทำ International SEO จะกลายเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงลูกค้าต่างชาติได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืนมากขึ้น

International SEO คืออะไร

International SEO

International SEO หรือการทำ SEO ระหว่างประเทศ คือการวางกลยุทธ์และปรับแต่งเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ “ประเทศ” และ “ภาษา” ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละภูมิภาค โดยใช้หลักการเดียวกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) ปกติ แต่เพิ่มมิติเรื่อง:

  • ประเทศเป้าหมาย (Target Country/Region)

  • ภาษาเป้าหมาย (Language)

  • โครงสร้างเว็บไซต์และ URL ที่สื่อให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine เข้าใจได้ว่า “หน้านี้ทำมาเพื่อใคร ประเทศไหน ภาษาอะไร”

เป้าหมายของ International SEO คือทำให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google เข้าใจว่า:

  • เว็บไซต์ของคุณต้องการโฟกัสที่ประเทศไหนบ้าง

  • หน้าไหนต้องแสดงผลให้ผู้ใช้ในประเทศ/ภาษานั้นๆ

  • เนื้อหาแบบไหนเหมาะกับผู้ใช้แต่ละภูมิภาค

เมื่อเซ็ตดีแล้ว ทั้งอันดับบน Google และประสบการณ์ของผู้ใช้ในแต่ละประเทศจะดีขึ้นไปพร้อมกัน

ประโยชน์ของการทำ International SEO

International SEO

การทำ International SEO มีประโยชน์มากสำหรับธุรกิจที่มีเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างประเทศ หรือธุรกิจที่ต้องการ “ขยายตลาดไประดับสากล” ตัวอย่างประโยชน์สำคัญ เช่น

  • เข้าถึงลูกค้าในหลายประเทศด้วยเว็บไซต์เดียว แต่สื่อสารได้ตรงใจแต่ละภูมิภาค

  • เพิ่มโอกาสเติบโตของยอดขาย จากลูกค้าต่างชาติที่ค้นหาข้อมูลด้วยภาษาของตนเอง

  • สร้างความน่าเชื่อถือระดับสากล เพราะผู้ใช้จะรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจบริบทของประเทศและภาษาของเขาจริงๆ

  • ใช้ศักยภาพของเว็บไซต์ให้คุ้มค่า ไม่ได้แข่งเฉพาะในประเทศเดียว แต่เปิดทางให้เข้าไปอยู่ในผลการค้นหาของหลายประเทศได้พร้อมกัน

งานวิจัยและสถิติต่างๆ ยังชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเป็น “ภาษาของตนเอง” และมีโอกาสตัดสินใจซื้อสูงขึ้นเมื่อข้อมูลสินค้า/บริการถูกนำเสนอด้วยภาษาที่เข้าใจง่ายและคุ้นเคย นั่นคือจุดที่ International SEO เข้ามาช่วยเติมเต็มได้อย่างดี

5 เทคนิคในการทำ International SEO

International SEO

1. วางโครงสร้าง URL ให้รองรับหลายประเทศ/ภาษา

โครงสร้าง URL เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างเว็บไซต์ และยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำSEO Friendly URL ด้วย สำหรับ International SEO มักใช้โครงสร้างหลักๆ อยู่ 4 แบบ โดยแต่ละแบบมีข้อดี–ข้อเสียต่างกัน

1) ccTLD (Country code Top-Level Domain)
เช่น example.co.th, example.co.uk, example.de

  • ข้อดี:

    • ระบุประเทศเป้าหมายชัดเจนมาก

    • ผู้ใช้ในประเทศนั้นๆ รู้สึกคุ้นเคยกับโดเมน

  • ข้อเสีย:

    • ต้องจดหลายโดเมนถ้าต้องการหลายประเทศ → ค่าใช้จ่ายสูง

    • การจัดการ SEO แยกโดเมนทำได้ยากกว่าเพราะ Authority ถูกแยกคนละโดเมน

2) Subfolder (Directory)
เช่น example.com/th/, example.com/en/, example.com/us/

  • ข้อดี:

    • ใช้โดเมนเดียวกันทั้งหมด ทำให้รวมพลัง Authority ไว้ที่เดียว

    • จัดการ Analytics, แทร็กข้อมูล และทำรีไดเรกต์ได้ง่าย

    • นิยมใช้มากในสาย SEO เพราะบริหารจัดการได้สะดวก

  • ข้อเสีย:

    • ต้องวางโครงสร้างให้ดีตั้งแต่แรก ไม่อย่างนั้นจะซับซ้อนได้เมื่อต้องเพิ่มภาษา/ประเทศในอนาคต

3) Subdomain
เช่น th.example.com, en.example.com

  • ข้อดี:

    • แยกคอนเทนต์ตามภูมิภาคได้ชัดเจน

    • บริหารจัดการได้แยกส่วนจากกัน

  • ข้อเสีย:

    • Search Engine มักมอง Subdomain เป็นเว็บไซต์แยกต่างหาก

    • ต้องทำ SEO แยกในแต่ละ Subdomain คล้ายๆ มีหลายเว็บในแบรนด์เดียว

    • การใช้Subdomain หลายตัวอาจทำให้การดูแลและพัฒนาเว็บยากขึ้นในระยะยาว

4) Parameterized URL
เช่น example.com/page?gl=US&lang=en

  • ข้อดี:

    • ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง URL มาก

    • ต้นทุนการปรับโครงสร้างต่ำ

  • ข้อเสีย:

    • ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ และอ่านยาก

    • Search Engine มักไม่ชอบเท่า URL ที่ชัดเจน

    • เสี่ยงต่อปัญหาเรื่อง Duplicate/Canonical ถ้าไม่ได้ตั้งค่าดีๆ

โดยรวมแล้ว สำหรับองค์กรที่ต้องการทำ International SEO แบบเป็นระบบและบริหารง่ายในระยะยาว “Subfolder” มักเป็นตัวเลือกที่ใช้งานจริงได้สะดวกที่สุด แต่ก็ต้องดูควบคู่กับแผนธุรกิจ โครงสร้างระบบ และทรัพยากรทีม Dev/SEO ของคุณด้วยค่ะ

2. ทำ Keyword Research ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายของแต่ละประเทศ

หลักการของคีย์เวิร์ดใน International SEO ก็เหมือนกับการทำ SEO ปกติ คือ ต้องเข้าใจภาษาที่คนใช้ค้นหา และ “วิธีที่คนในประเทศนั้นๆ พูด/พิมพ์คำเดียวกัน” ซึ่งบางทีไม่เหมือนกับการแปลตรงคำต่อคำ

การเข้าใจคีย์เวิร์ดและหลักการทำ Keyword Research จึงสำคัญมาก โดยคุณอาจใช้เครื่องมืออย่าง:

  • Google Keyword Planner

  • Google Trends เพื่อดูว่าแต่ละประเทศสนใจเรื่องอะไร คีย์เวิร์ดไหนกำลังเป็นเทรนด์

  • เครื่องมือ SEO อื่นๆ ร่วมด้วย

อย่าลืมว่า “ภาษาเดียวกันแต่ประเทศต่างกัน” (เช่น ภาษาอังกฤษใน US/UK/AU) คำที่ใช้ค้นหาอาจต่างกัน เช่น “apartment” vs “flat” การทำ International SEO ที่ดีจึงไม่ใช่แค่แปลเนื้อหา แต่ต้องเข้าใจคำที่คนในพื้นที่นั้นใช้จริงๆ ด้วย

3. ออกแบบ Landing Page ให้เหมาะกับแต่ละประเทศ

Landing Page เป็นหน้าที่เราตั้งใจออกแบบเพื่อสื่อสารเป้าหมายบางอย่างโดยเฉพาะ เช่น ขายสินค้า, เก็บ Leads, สมัครสมาชิก ฯลฯ

ในการทำ International SEO คุณควรพิจารณาการออกแบบ Landing Page ให้เหมาะสม กับ:

  • พฤติกรรมผู้ใช้ของแต่ละประเทศ

  • ภาษาและสำนวนที่คนในภูมิภาคนั้นเข้าใจ

  • รูปภาพ/ตัวอย่าง/เคสที่ใกล้เคียงกับบริบทของเขา

  • สกุลเงิน หน่วยวัด รูปแบบวันที่ และองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ที่คนในพื้นที่คุ้นเคย

Landing Page ที่ “ดูเป็นท้องถิ่น” มากขึ้น จะช่วยเพิ่ม Conversion และทำให้เว็บไซต์ของคุณดูมีความตั้งใจจริงในการสื่อสารกับตลาดนั้นๆ ไม่ใช่แค่เอาเนื้อหาเดิมมาแปลแห้งๆ เท่านั้น

4. ใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อเพิ่มความเร็วเว็บทั่วโลก

เมื่อเริ่มมีผู้ใช้งานจากหลายประเทศ เรื่องความเร็วเว็บไซต์ก็ยิ่งสำคัญ เพราะถ้าเซิร์ฟเวอร์อยู่ไกลจากผู้ใช้มาก การโหลดหน้าเว็บก็จะช้าลงโดยอัตโนมัติ

ตรงนี้ CDN (Content Delivery Network) เข้ามาช่วยได้มาก เพราะCDN คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์กระจายตัวหลายภูมิภาค ที่คอยเก็บสำเนาคอนเทนต์ของเว็บไซต์ไว้ใกล้กับผู้ใช้งานแต่ละพื้นที่ ทำให้:

  • หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้น แม้ผู้ใช้อยู่คนละทวีปกับเซิร์ฟเวอร์หลัก

  • ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้นทั้งบน Desktop และ Mobile

  • ส่งผลบวกต่อ Core Web Vitals และสัญญาณด้านความเร็ว ซึ่งมีผลต่อ SEO ด้วย

สำหรับเว็บไซต์ที่เริ่มยิงไปหลายประเทศ การติดตั้ง CDN มักเป็น “พื้นฐานสำคัญ” ที่ควรทำควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างและคอนเทนต์เลยค่ะ

5. ใช้ Hreflang Tag ช่วยบอกภาษาและประเทศให้ Search Engine เข้าใจ

Hreflang Tag คือองค์ประกอบในโค้ดที่ใช้บอก Search Engine ว่า:

  • หน้านี้เป็นภาษาอะไร

  • หน้านี้ตั้งใจทำมาสำหรับประเทศ/ภูมิภาคไหน

ตัวอย่างเช่น:

  • hreflang="en-us" → ภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา

  • hreflang="th-th" → ภาษาไทย สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย

การใส่ Hreflang อย่างถูกต้องจะช่วยให้:

  • ผู้ใช้ถูกพาไปยังเวอร์ชันภาษาที่เหมาะสมอัตโนมัติ

  • ลดปัญหา Duplicate Content ข้ามภาษา/ประเทศ

  • ช่วยให้ Google เข้าใจโครงสร้าง International ของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น

ในมุมของ International SEO การตั้งค่า Hreflang ถือเป็น “งานพื้นฐานที่จำเป็น” ไม่แพ้การวางโครงสร้าง URL เลยค่

International SEO

บทสรุป

แม้พื้นฐานของ International SEO จะยืนอยู่บนหลักเดียวกันกับ SEO ทั่วไป แต่ในเชิงปฏิบัติแล้ว ยังมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นทั้ง:

  • โครงสร้าง URL และโดเมน

  • ภาษา/คำที่ใช้ค้นหาในแต่ละประเทศ

  • การออกแบบ Landing Page ให้เข้ากับวัฒนธรรมและบริบทของผู้ใช้

  • การใช้ CDN และ Hreflang เพื่อให้ทั้งความเร็วและการแสดงผลถูกต้อง

สำหรับผู้สร้างเว็บไซต์และผู้พัฒนาเว็บไซต์ การเข้าใจ International SEO จึงเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญ หากธุรกิจมีแผนจะขยายสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต

ถ้าคุณอยากเพิ่ม Traffic จากหลายประเทศให้มากขึ้นอย่างยั่งยืน ลองเริ่มจากการวางโครงสร้างและคอนเทนต์ให้รองรับ International SEO ตั้งแต่วันนี้ แล้วค่อยต่อยอดด้วยการวัดผลและปรับปรุงไปเรื่อยๆ ค่ะ

หากคุณต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำ International SEO หรือการทำ SEO ให้เว็บหลายภาษา ทีมงานของ Search Studio มีประสบการณ์ทำ SEO ให้เว็บไซต์ภาษาอังกฤษและลูกค้าต่างชาติ อยู่ค่อนข้างมาก สามารถติดต่อเข้ามาพูดคุยและให้เราช่วยวางแผนที่เหมาะกับธุรกิจของคุณได้เลยค่ะ

International SEO ต่างจาก SEO ปกติยังไง?

ในภาพรวมหลักการเหมือนกัน คือใช้การปรับเว็บไซต์ตามหลัก SEO เพื่อช่วยให้ติดอันดับบน Search Engine แต่ International SEO จะเพิ่มมิติของ “ประเทศ” และ “ภาษา” เข้ามา เช่น การกำหนดโครงสร้าง URL ให้รองรับหลายประเทศ การใช้ภาษาที่ต่างกันตามภูมิภาค และการใช้แท็ก hreflang เพื่อบอก Google ว่าควรแสดงหน้าไหนให้ผู้ใช้ประเทศใด ต่างจากการทำ SEO ปกติที่โฟกัสเป็นหลักๆ แค่การ โปรโมตเว็บไซต์และเพิ่ม Traffic ภายในประเทศ เดียวเท่านั้น

เว็บไซต์แบบไหนที่ควรเริ่มทำ International SEO?

โดยทั่วไป เว็บไซต์ที่ควรพิจารณาทำ International SEO คือธุรกิจที่มีลูกค้าต่างชาติหรือต้องการขยายไปต่างประเทศ เช่น ธุรกิจ B2B, SaaS, ท่องเที่ยว, โรงแรม, การศึกษาออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซที่เริ่มมีออเดอร์นอกประเทศบ่อยๆ หากคุณเริ่มทำ SEO อยู่แล้วหรือใช้ บริการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก อยู่ และเห็นว่ามีโอกาสโตจากตลาดต่างประเทศ การขยับไปทำ International SEO ร่วมกับ แพ็กเกจ SEO แบบ Managed จะช่วยให้ใช้ทราฟฟิกจากต่างประเทศได้คุ้มค่ามากขึ้น

ทำเว็บหลายภาษา แค่แปลเนื้อหาอย่างเดียวพอไหม หรือควรทำ Keyword Research ใหม่?

การ “แปลตรงตัว” อย่างเดียวมักไม่พอสำหรับ International SEO เพราะคนแต่ละประเทศใช้คำค้นคนละแบบ แม้จะเป็นภาษาเดียวกันก็ตาม ดังนั้นสำหรับแต่ละภาษา/ประเทศควรทำ Keyword Research แยก โดยดูคำที่คนใช้จริงผ่านเครื่องมืออย่าง Google Trends หรือ Keyword Planner แล้วค่อยเอามาวางใน Title, Description, Heading และคอนเทนต์ที่เขียนให้เหมาะกับวัฒนธรรม/บริบทของประเทศนั้นๆ มากกว่าแปลจากต้นฉบับแบบ 1:1

ถ้าไม่มีทีม Dev หรือทีม SEO ภายใน จะเริ่มทำ International SEO ยังไงดี?

เริ่มจากจัดลำดับความสำคัญก่อนว่าต้องการโฟกัสประเทศ/ภาษาคู่ไหนเป็นลำดับแรก จากนั้นค่อยวางโครงสร้างเว็บให้รองรับ เช่น โครงสร้าง Subfolder, ปรับความเร็วเว็บด้วย CDN และออกแบบเนื้อหากับ Landing Page ให้เหมาะกับกลุ่มประเทศเป้าหมาย แต่ถ้าทรัพยากรทีมไม่พอ การทำร่วมกับเอเจนซี่ที่มีประสบการณ์ด้าน International SEO อย่าง แพ็กเกจ Managed SEO ของ Search Studio จะช่วยให้คุณข้ามช่วงลองผิดลองถูก และวางโครง SEO ระหว่างประเทศได้ถูกต้องตั้งแต่แรกมากกว่าลงมือเองทั้งหมดค่ะ

Written By

เมย์เริ่มงานสาย Online Marketing มาได้มาได้มากกว่า 3 ปีแล้ว และยังคงศึกษางาน SEO และ Online Marketing ต่อไป ด้วยเป็นเด็กสายวิทย์ที่ชอบการอ่านมากกว่าฟัง ชอบวิเคราะห์ มีความขี้สงสัยและต้องค้นหาเหตุผลให้เจอ ยังคงหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร สุดท้ายแล้วขอให้แมวจรทุกตัวมีบ้านค่ะ
Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.