หลายธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในปัจจุบันอย่าง Apple , Facebook , Google, Airbnb, Grab ต่างก็เริ่มต้นจากการเป็น “สตาร์ทอัพ” มาก่อน จึงทำให้คนรุ่นใหม่เกิดแรงบันดาลใจ มีความฝัน และมองเห็นโอกาสที่จะปั้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเช่นนั้นบ้าง แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าแท้ที่จริงแล้วธุรกิจสตาร์ทอัพ คืออะไร ? มีความเหมือนหรือต่างจากธุรกิจ SME อย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะขอพาทุกคนไปเจาะลึกถึงที่มาที่ไป พร้อมยกตัวอย่างธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จให้เข้าใจง่าย ตามไปอ่านกันได้ในบทความนี้เลยค่ะ
Startup คืออะไร?
Startup คือ ธุรกิจเกิดใหม่ที่เน้นการเติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก หรือมีพนักงานเต็มบริษัท คำถามที่ตามมาคือ แล้วธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร? ก็ต้องเริ่มต้นจากการมีไอเดีย สร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีจุดเด่นแตกต่างจากท้องตลาด สามารถ Disrupt หรือส่งผลให้การทำธุรกิจแบบเดิม รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อไอเดียนั้นดีพอที่จะทำให้นักลงทุนสนใจ ก็จะนำไปสู่การระดมทุนมาต่อยอดธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้
Startup ต่างจากธุรกิจ SME อย่างไร?
รูปแบบการทำธุรกิจ Startup ต่างจาก SME อย่างชัดเจน เพราะส่วนใหญ่ SME จะมีเจ้าของธุรกิจคนเดียว ดูแลกิจการเอง หาเงินลงทุนเอง และค่อยๆ พัฒนาต่อยอดจนขยายเป็นกิจการขนาดใหญ่ เช่น บางคนทำน้ำพริกขาย พอขายดีติดตลาดก็ยกระดับเป็นโรงงานอุตสาหกรรมส่งขายไปทั่วโลก
ส่วนลักษณะของธุรกิจ Startup ต้องอาศัยการระดมทุน หานักลงทุนมาร่วมด้วย จึงต้องมีการวางโมเดล หรือโครงสร้างทางธุรกิจที่เป็นแบบแผนชัดเจน มีการกำหนดเป้าหมาย วางกลยุทธ์ ประเมินผล รายงานผล ฯลฯ ซึ่งหากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถนำไปขยาย หรือลดขนาด เพื่อใช้กับสินค้า และบริการอื่นๆ ได้ด้วย
ธุรกิจสตาร์ทอัพมีอะไรบ้าง?
หากถามว่า Startup มีอะไรบ้าง ก็ต้องตอบว่าจริงๆ แล้วทุกธุรกิจสามารถเป็น Startup ได้หมดเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะต้องอาศัยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค สำหรับธุรกิจ Startup ที่น่าสนใจในยุคนี้ เช่น
- ธุรกิจสุขภาพและความงาม สอดคล้องกับเทรนด์การดูแลสุขภาพ รวมถึงการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย เช่น บริการจองคิวคลินิก สปา ร้านทำผม ร้านทำเล็บ, รวมดีลส่วนลด, บริการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน, ให้คำปรึกษาสุขภาพออนไลน์ เป็นต้น
- ธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น จองตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, ร้านอาหาร, เช่ารถ, เช็กตารางเดินรถ, บริการไกด์ท้องถิ่น เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยไหน การท่องเที่ยวก็เป็นกิจกรรมที่คนชื่นชอบเสมอ
- ธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เนื่องจากคนนิยมเป็นโสด หรือไม่มีลูกมากขึ้น และหันมาเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง และยินดีจ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงได้ เช่น อาหาร, ของเล่น, โรงแรมสัตว์เลี้ยง, กิจกรรมต่างๆ
- ธุรกิจอาหาร ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น แพลตฟอร์มรวมร้านอาหาร, รับหิ้วของดีของเด็ดจากจังหวัดต่างๆ , อาหาร Plant-based, อาหารที่คุณค่าทางโภชนาการสูงแต่ทานสะดวก ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง เป็นต้น
- ธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิต เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ , สินค้ากลุ่ม Smart Home, เครื่องมือสื่อสาร, อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
ตัวอย่างธุรกิจสตาร์ทอัพในไทยที่ประสบความสำเร็จ
ตัวอย่างธุรกิจ Startup ในไทย ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น “QueQ” ที่เข้ามาปฏิวัติการรอคิวแบบเดิมๆ ด้วยระบบดิจิทัล ร้านค้าไม่ต้องคอยจดคิว ลูกค้าไม่ต้องไปยืนรอหน้าร้าน แต่ทราบได้ว่าตัวเองอยู่คิวที่เท่าไหร่ และจะถึงคิวในอีกกี่นาที เรียกว่า Win-Win ทั้งสองฝ่าย
อีกหนึ่งธุรกิจก็คือ “iTAX” ที่เข้าใจว่าภาษีเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน จึงเริ่มต้นด้วยการสร้างเว็บไซต์ให้กรอกข้อมูลเพื่อนำไปยื่นภาษี โดยจะแสดงสิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ให้ด้วย ต่อมาจึงพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คำนวณและยื่นภาษีได้สะดวกมากขึ้น โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าบริการแต่อย่างใด
บทส่งท้าย
คงพอจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมคะว่าธุรกิจสตาร์ทอัพนั้นเขาทำกันอย่างไร จริงอยู่ที่ธุรกิจประเภทนี้ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมาก และมีโอกาสประสบความสำเร็จมหาศาล แต่เส้นทางเหล่านี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ สตาร์ทอัพทุกรายต่างเผชิญปัญหาและอุปสรรคมาไม่น้อย ที่ถอดใจไปไม่ถึงฝันก็เยอะ เพราะฉะนั้นนอกจากมีไอเดีย ก็ต้องมีการวางแผนที่ดี มีความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่จะทำอย่างลึกซึ้ง และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจ เชื่อว่าสตาร์ทอัพของคนไทยจะเติบโตไปได้ไกลไม่แพ้ชาติไหนอย่างแน่นอน