การสร้างเนื้อหา บทความเพื่อดึงดูดให้ผู้ชม ผู้อ่านมาสนใจธุรกิจของคุณถือเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยาก แต่ถ้าอยากให้เกิดการมีส่วนร่วมที่มากขึ้น เช่น ตัดสินใจซื้อสินค้า สมัครสมาชิก ทักสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม คุณจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และเนื้อหาที่ดึงดูดใจผู้ชม ผู้อ่านที่มากพอ หรือที่ทางการตลาดออนไลน์เรียกว่า CTA นั่นเอง โดย CTA ย่อมาจากคำว่า Call to Action ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำการตลาด หรือนำเสนอข้อมูลธุรกิจในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้ว Call to Action คืออะไร และมีวิธีเขียน Call to Action ยังไงให้ลูกค้าอยากคลิกนั้น วันนี้ Search Studio รวบรวมมาให้แล้ว ตามมาอ่านพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
CTA (Call to Action) คืออะไร?
CTA ย่อมาจาก Call to Action คือคำ วลีหรือประโยคสั้น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายของโฆษณา เนื้อหาของธุรกิจนั้น ๆ เกิดการมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจเข้าชมเว็บไซต์ ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า หยิบสินค้าใส่รถเข็น หรือแม้แต่สมัครสมาชิกเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ ซึ่งอาจมาในรูปแบบข้อความ หรือมีการทำเป็นปุ่มกราฟิกสวยงามเพิ่มความดึงดูดใจ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของธุรกิจนั้น ๆ หรือออกแบบให้เหมาะสมแต่ละแพลตฟอร์ม
5 เทคนิคการสร้าง Call to Action CTA ยังไงให้ลูกค้าอยากคลิก
1. เลือกใช้คำสั้น กระชับ ทรงพลัง
เพราะปุ่ม Call to Action เป็นกลยุทธ์ที่ต้องดึงดูดใจแก่ผู้ชมผู้อ่านมากที่สุด จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องใช้คำที่สั้นประมาณ 3-5 คำก็เพียงพอ และมีความกระชับ ทรงพลัง มีความโดดเด่นกระแทกตาเตะใจ ช่วยกระตุ้นให้อยากคลิก ไม่ว่าจะเป็น ซื้อเลย ช็อปเลย เรียนรู้เพิ่มเติม
2. ปุ่ม Call to Action ต้องโดดเด่น แตกต่างกว่าปุ่มอื่น ๆ
ในเว็บไซต์ หรือช่องทางสื่อการโปรโมทต่าง ๆ ของแต่ละธุรกิจในหนึ่งหน้า จะมีปุ่มมากมายให้เลือกกดเพื่อเรียนรู้ หรือหาข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติม ฉะนั้นปุ่ม Call to Action จึงจำเป็นต้องมีการออกแบบที่โดดเด่นและแตกต่างกว่าปุ่มอื่น ๆ ที่ปรากฎอยู่ในเว็บไซต์ อาจเลือกสีสันที่กระแทกตา หรือมีการจัดวาง Layout ที่แปลกตาเพื่อกระตุ้นให้เกิดการคลิกที่ง่ายดายมากขึ้น
3. เพิ่มความดึงดูดด้วยสิทธิพิเศษ เร่งด่วนด้วยระยะเวลา
การทำให้คนอ่านอยากคลิกปุ่ม Call to Action อีกเทคนิคก็คือการใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า FOMO หรือ Fear of Missing Out พยายามรวบรัดการตัดสินใจผู้ใช้งานด้วยการใช้คำ หรือวลีที่ช่วยเพิ่มแรงกระตุ้น เช่น ช็อปด่วน จำนวนจำกัด หรือใส่ระยะเวลาที่แน่นอน พร้อมสิทธิพิเศษที่ลูกค้าไม่ควรพลาดเมื่อกดปุ่ม CTA
4. เลี่ยงการใช้คำเทคนิคเฉพาะ
มากไปกว่าการเลือกคำที่สั้นกระชับทรงพลังแล้ว ก็จำเป็นต้องเลือกคำ หรือวลีที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ปราศจากคำศัพท์เทคนิคเฉพาะที่อาจก่อให้เกิดความสับสน หรือเข้าใจผิดได้ เพราะถ้าหากใช้คำศัพท์เทคนิคมากเกินไป ผู้อ่านอาจจะต้องเสียเวลาไปหาข้อมูลความหมายเพิ่มเติม ก่อนหนีหายไม่ตัดสินใจคลิกปุ่ม CTA และกลายเป็นเราที่สูญเสียลูกค้าไปในที่สุด
5. สร้าง Call to Action มากกว่า 1 จุด
ใน 1 หน้าเว็บไซต์ที่อาจมีเนื้อหาเยอะ ความยาวมากกว่า 1 หน้ากระดาษ A4 จำเป็นมากที่จะต้องเลือกใช้ Call to Action มากกว่า 1 จุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้มีระยะเวลาในการตัดสินใจ เช่น ปุ่ม CTA อันแรกอาจเป็นการคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม แต่ปุ่ม CTA มาเป็นปุ่มสำหรับปิดการขายโดยเฉพาะ
Call to Action ตัวอย่างเลือกให้เหมาะสมกับคอนเทนต์
สำหรับการสร้างปุ่ม Call to Action ขึ้นมานั้นก็เพื่อหวังให้คนที่เข้ามาอ่าน มาชมเว็บไซต์เกิดการมีส่วนร่วม แต่ในแต่ละธุรกิจนั้นก็มีวัตถุประสงค์ในการสร้างปุ่มนี้ขึ้นมาแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น
- Call to Action สำหรับปิดการขาย ซึ่งเน้นการทำยอดขาย พบได้บ่อยในพวกธุรกิจ E-Commerce โดยมีการใช้ภาษาที่สั้นกระชับ กระตุ้นการซื้อบนปุ่ม Call to Action ตัวอย่างเช่น Buy Now, ช็อปด่วน ช็อปเลย, ซื้อเลย, หยิบใส่รถเข็น, หยิบใส่ตะกร้า
- Call to Action เพื่อเก็บเป็นข้อมูลติดต่อกลับ และกลายเป็นลูกค้าคนสำคัญในอนาคต เช่น คลิกเพื่อสมัครสมาชิก, ลงทะเบียนรับข่าวสาร, สมัครวันนี้ รับสินค้าทดลองฟรี!
- Call to Action สำหรับการหาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น Read More Learn More อ่านเพิ่มเติม คลิกเพื่อดูเพิ่มเติม
- Call to Action เพื่อให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ หรือรับข้อมูลบริการเพิ่มเติม จะมีปุ่ม Call to Action ตัวอย่างเช่น ปรึกษาฟรี, ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี, พูดคุยกับเรา, ทักหาแอดมินด่วน, Message Us
บทส่งท้าย
เรียกได้ว่า Call to Action ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการทำการตลาดที่ควรค่าแก่การทำเป็นอย่างมาก เพราะมีประสิทธิภาพในการสร้างโอกาสการขาย เพิ่มสมาชิกในธุรกิจและองค์กร ตลอดจนตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในการค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ ผ่านช่องทางสื่อสารของคุณได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้การทำ Call to Action เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพนั้นควรอาศัยรูปแบบคอนเทนต์การนำเสนอที่น่าสนใจ และการออกแบบกราฟิกที่น่าดึงดูดใจร่วมด้วย เท่านี้ก็รับรองว่าจะช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วล่ะค่ะ