SEO

รู้จัก TOFU, MOFU, BOFU และวิธีใช้สำหรับทำ SEO ให้ตรงจุด

Fast To Read

ในโลกของการตลาดดิจิทัลและการทำ SEO การเข้าใจผู้บริโภคในแต่ละขั้นตอนของ Customer Journey เป็นสิ่งสำคัญมาก Marketing Funnel แปลว่า กรวยการตลาด เป็นโมเดลหรือเครื่องมือที่นักการตลาดนิยมใช้ในการวางแผนเพื่อดึงดูดลูกค้า ตั้งแต่ขั้นตอนแรกที่ลูกค้าเริ่มรู้จักแบรนด์ไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าภายในกรวยนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญ 3 ส่วนที่เราเรียกกันติดปากว่า TOFU, MOFU, BOFU funnel ซึ่งแต่ละส่วนต่างมีบทบาทที่แตกต่างกันออกไปในการทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่า TOFU, MOFU และ BOFU คืออะไร พร้อมแนะนำวิธีการนำไปประยุกต์ใช้กับการทำ SEO เพื่อดึงดูดและเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างตรงจุด

TOFU คืออะไร?

TOFU เรียกเต็มๆ ว่า Top of the Funnel (TOFU) คือ ช่วงแรกที่ลูกค้าเพิ่งเริ่มต้นรู้จักหรือรับรู้ถึงปัญหาหรือความต้องการของตัวเอง ซึ่งช่วงนี้ผู้ใช้อาจไม่ได้คิดจะซื้อสินค้าทันที แต่กำลังมองหาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น ถ้าผู้ใช้ค้นหาคำว่า “รองเท้าวิ่งรุ่นไหนดี” ในขั้นตอนนี้ เราควรสร้างคอนเทนต์ที่เน้นการให้ความรู้ ข้อมูลพื้นฐาน หรือการแนะนำทั่วไป เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้สนใจแบรนด์ก่อน โดยควรหลีกเลี่ยงการขายตรงๆ เพราะอาจทำให้ผู้ใช้อึดอัดและหลีกเลี่ยงที่จะอ่านต่อได้

ลักษณะของขั้น TOFU:

  • ยังไม่รู้จักสินค้าหรือบริการของเรา
  • กำลังหาข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา

ประเภทเนื้อหาที่เหมาะกับขั้น TOFU:

  • บทความแนะนำทั่วไป
  • บล็อกเนื้อหาเพื่อการให้ข้อมูล
  • อินโฟกราฟิก
  • วิดีโออธิบาย Concept

MOFU คืออะไร?

Middle of the Funnel หรือ MOFU คือ ขั้นกลางของการทำการตลาด ในช่วงนี้ลูกค้าจะเริ่มเข้าใจปัญหาของตนเองดีขึ้น และกำลังมองหาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เช่น การเปรียบเทียบสินค้า การอ่านรีวิวสินค้า หรือการศึกษา case study ดังนั้นคอนเทนต์ที่เหมาะสมในขั้น MOFU ควรเน้นที่ความชัดเจนในการนำเสนอความแตกต่างของสินค้า บริการ หรือการนำเสนอ solution ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังควรมีการให้ข้อมูลเชิงลึก เช่น รีวิวจากผู้ใช้งานจริงหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า

ลักษณะของขั้น MOFU:

  • รู้จักแบรนด์แล้วแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ
  • ต้องการข้อมูลเปรียบเทียบ เช่น “ยี่ห้อไหนดี”

ประเภทเนื้อหาที่เหมาะกับขั้น MOFU:

  • บทความเปรียบเทียบสินค้า
  • รีวิวผลิตภัณฑ์
  • Case study ที่น่าสนใจ
  • เนื้อหาเชิงเทคนิค

BOFU คืออะไร?

Bottom of the Funnel หรือ BOFU คือ ขั้นสุดท้ายของการตัดสินใจซื้อ ในช่วงนี้ลูกค้าพร้อมที่จะตัดสินใจแล้ว จึงต้องมีคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อหรือ สร้าง conversion ทันที เช่น โปรโมชั่นพิเศษ การให้ส่วนลด หรือการให้ทดลองสินค้าฟรี อีกทั้งยังควรมีการนำเสนอการสนับสนุนหลังการขาย เช่น บริการลูกค้า สินค้ารับประกัน หรือเงื่อนไขการคืนสินค้า เพื่อสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่

ลักษณะของขั้น BOFU:

  • พร้อมซื้อแล้ว
  • มองหาข้อมูลเฉพาะ เช่น “ซื้อที่ไหน” “ส่วนลด”

ประเภทเนื้อหาที่เหมาะกับขั้น BOFU:

  • หน้าสินค้าและบริการ
  • หน้า Landing Page
  • หน้าโปรโมชั่น
  • หน้าติดต่อ

วิธีใช้ TOFU, MOFU, BOFU สำหรับการทำ SEO ให้ตรงจุด

1. วิเคราะห์ Keyword ให้ตรงกับแต่ละ Funnel 

การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมสำหรับแต่ละ Funnel เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำ SEO ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • TOFU: เน้นคำค้นหาทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับปัญหา
    • ควรใช้คำถามหรือประโยคที่แสดงถึงความต้องการพื้นฐาน
    • ตัวอย่าง: “อาการปวดหัวบ่อยเกิดจากอะไร”, “วิธีลดน้ำหนักแบบปลอดภัย”
    • เคล็ดลับ: ใช้เครื่องมือเช่น AnswerThePublic เพื่อหาคำถามที่ผู้คนค้นหา
  • MOFU: ใช้คำค้นหาเชิงเปรียบเทียบหรือรีวิว
    • เน้นคำที่แสดงถึงการเปรียบเทียบหรือการหาข้อมูลลึกขึ้น
    • ตัวอย่าง: “เปรียบเทียบ iPhone กับ Samsung”, “รีวิวคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์”
    • เคล็ดลับ: ใช้ Ahrefs หรือ SEMrush ในการวิเคราะห์คู่แข่ง
  • BOFU: ใช้คำค้นหาที่แสดงความตั้งใจซื้อ
    • เน้นคำที่แสดงถึงความพร้อมในการตัดสินใจ
    • ตัวอย่าง: “ซื้อ MacBook Pro พร้อมส่วนลด”, “ที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์ราคาดีที่สุด”
    • เคล็ดลับ: ใช้ Google Keyword Planner เพื่อดูปริมาณการค้นหา

2. ออกแบบเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละ Funnel

เนื้อหาที่ดีต้องตอบโจทย์ผู้ใช้ในแต่ละช่วงของ TOFU, MOFU, BOFU ดังนี้

  • TOFU (Top of the Funnel):
    • สร้างบทความให้ความรู้ แก้ปัญหา
    • เน้นความยาว 1,500-2,500 คำ ให้ครอบคลุม
    • ใช้รูปแบบง่ายๆ อ่านเข้าใจเร็ว
    • ตัวอย่าง: “10 สาเหตุอาการปวดหลังและวิธีแก้ไข”
  • MOFU (Middle of the Funnel):
    • เขียนรีวิว เปรียบเทียบอย่างละเอียด
    • ใช้ข้อมูลจริงและรูปประกอบ
    • ตัวอย่าง: “เปรียบเทียบ 5 ยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศ 2025”
  • BOFU (Bottom of the Funnel):
    • สร้าง Landing Page ที่โฟกัสการสร้าง Conversion
    • เน้นจุดขายและ Call-to-Action ที่ชัดเจน
    • ตัวอย่าง: หน้า “โปรโมชั่นเครื่องสำอางลดสูงสุด 50%”

3. ใช้ Internal Link เชื่อมโยงระหว่างแต่ละ Funnel

การเชื่อมโยงเนื้อหาระหว่าง TOFU, MOFU, BOFU จะช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

  • เชื่อมโยงบทความ TOFU ไปยัง MOFU และ BOFU ตัวอย่างเช่น
    • จากบทความ “วิธีเลือกครีมกันแดด” (TOFU)
    • ลิงก์ไปที่ “รีวิวครีมกันแดด 5 ยี่ห้อ” (MOFU)
    • แล้วลิงก์ไปหน้า “สั่งซื้อครีมกันแดด” (BOFU)
  • ใช้ Anchor Text ที่เป็นธรรมชาติ
  • ตรวจสอบ Broken links เป็นประจำ

4. ปรับปรุง UX และ CRO (Conversion Rate Optimization)

การออกแบบ UX และการทำ CRO (Conversion Rate Optimization) ที่ดีช่วยเพิ่มอัตราการสร้าง Conversion ในแต่ละ Funnel ได้

  • TOFU (Top of the Funnel):
    • เน้นการดึงดูดด้วยเนื้อหาคุณภาพ
    • อ่านง่าย โครงสร้างชัดเจน
    • มีภาพประกอบน่าสนใจ
  • MOFU (Middle of the Funnel):
    • เพิ่ม Trust Signal เช่น รีวิวจากลูกค้า
    • แสดงข้อมูลเปรียบเทียบชัดเจน
    • มี FAQ เพื่อตอบคำถามที่พบบ่อย
  • BOFU (Bottom of the Funnel):
    • สร้างปุ่ม CTA ให้มองเห็นชัดเจน
    • มีแบบฟอร์มที่สั่งซื้อง่าย ไม่ซับซ้อน
    • แสดงข้อเสนอพิเศษให้เด่นชัด

5. ติดตามผลและปรับปรุงด้วย Data

การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ปรับปรุงกลยุทธ์ TOFU, MOFU, BOFU ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ใช้ Google Analytics ดูพฤติกรรมผู้ใช้:
    • ดูว่าเนื้อหาใดได้ Engagement สูง
    • ตรวจสอบ Bounce Rate ในแต่ละหน้า
    • วิเคราะห์ Conversion Path
  • ปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น:
    • อัปเดตบทความเก่าให้ทันสมัย
    • ทดสอบ A/B Testing สำหรับ Landing Page

การจัดการเนื้อหาตามหลัก Marketing Funnel TOFU, MOFU, BOFU ช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะทุกบทความหรือคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นนั้นจะมีเป้าหมายชัดเจน ช่วยให้เราสามารถดึงดูดลูกค้าตั้งแต่ขั้นแรก ไปจนถึงการปิดการขายได้อย่างเห็นผล

ตัวอย่างการใช้ TOFU, MOFU, BOFU

หากธุรกิจของเราคือร้านขายรองเท้า TOFU MOFU BOFU ตัวอย่างจะมีลักษณะดังนี้

1. Top of the Funnel (TOFU)

สร้างบทความให้ความรู้พื้นฐาน เช่น “วิธีเลือกรองเท้าวิ่งที่เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้น” เน้นให้ความรู้ และแทรก keyword กว้างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่สนใจในหัวข้อทั่วไปก่อน อาจเพิ่มการแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นประโยชน์เพื่อให้ผู้อ่านสนใจอ่านเนื้อหาต่อ

2. Middle of the Funnel (MOFU)

คอนเทนต์ที่เน้นการเปรียบเทียบชัดเจน เช่น “เปรียบเทียบรองเท้าวิ่งแบรนด์ดัง 5 รุ่นยอดฮิต” ตรงนี้ควรแทรก keyword ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น และเน้นการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน นอกจากนี้อาจมีการเสริมด้วยข้อมูลกราฟหรือสถิติเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

3. Bottom of the Funnel (BOFU)

กระตุ้นการตัดสินใจด้วยคอนเทนต์เชิงขาย เช่น “โปรโมชั่นพิเศษ รองเท้าวิ่งลดราคา 50% ภายในวันนี้เท่านั้น” เน้น keyword ที่นำไปสู่การซื้อหรือ conversion โดยตรง รวมถึงการใช้ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจน เช่น “สั่งซื้อทันที” หรือ “รับส่วนลดทันที” เป็นต้น

Marketing Funnel หรือ TOFU, MOFU, BOFU funnel ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ SEO ที่ได้ผลลัพธ์ชัดเจน ทำให้เว็บไซต์มีโอกาสปรากฏบนผลการค้นหาสูงขึ้น และนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืน หากคุณกำลังมองหาวิธีการทำ SEO ให้ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณมากขึ้น หรือยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากส่วนไหน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO จาก Search Studio ได้ทันที เราพร้อมสร้างคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ TOFU, MOFU, BOFU funnel เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ SEO ที่ตรงจุดที่สุด 

Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.