SEO

Featured Snippets คืออะไร ทำอย่างไรให้เว็บติดอันดับ “0”

Fast To Read

เวลาพูดถึงการทำ SEO หลายคนจะมุ่งเป้าไปที่การทำให้เว็บ “ติดอันดับ 1” บน Google ด้วยการวางแผนคีย์เวิร์ด ทำคอนเทนต์ และทำลิงก์ให้ครบทุกมิติ หรือบางคนเลือกใช้ บริการทำ SEO รายเดือนแบบ Managed SEO เพื่อให้ทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยวางกลยุทธ์ให้ทั้งหมด

แต่ “ที่สุด” ของการติดอันดับจริงๆ ยังมีอีกตำแหน่งหนึ่งที่สูงกว่าอันดับ 1 ขึ้นไปอีก นั่นก็คือ อันดับ 0 (Zero Position) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Featured Snippets ค่ะ

บทความนี้จะชวนมาทำความรู้จักว่า Featured Snippets คืออะไร, มีประเภทไหนบ้าง, ส่งผลยังไงต่อ SEO และ “ต้องทำยังไงบ้าง” ถ้าอยากให้บทความของเรามีโอกาสขึ้นไปโชว์ในตำแหน่งพิเศษนี้

 

Featured Snippets คืออะไร

Featured Snippets คือกล่องคำตอบพิเศษที่แสดงอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหาบน Google ในตำแหน่งที่มักเรียกว่า “อันดับ 0” หรือ “Answer Box” โดย Google จะดึง “ส่วนหนึ่งของคอนเทนต์” จากหน้าเว็บที่เห็นว่าตอบคำถามได้ชัดเจนที่สุดมาแสดงให้ผู้ใช้เห็นทันที บนหน้าผลการค้นหา (SERP) โดยที่ผู้ใช้ยังไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ

จุดเด่นของ Featured Snippets คือ

  • อยู่เหนืออันดับ 1 ของผลการค้นหาปกติ

  • แสดงคำตอบสั้นๆ กระชับ ตรงประเด็น

  • มักใช้กับคีย์เวิร์ดที่เป็นคำถาม เช่น “คืออะไร”, “ทำยังไง”, “วิธี…”, “ข้อดีข้อเสีย…”

พูดง่ายๆ คือ ถ้าบทความของคุณติด Featured Snippet ก็เหมือนเว็บคุณได้พื้นที่โฆษณาฟรีในจุดที่เด่นที่สุดของหน้า Google เลยค่ะ

Featured Snippets คืออะไร

ตัวอย่างของ Featured Snippet ที่ปรากฎบนหน้าผลการค้นหา Google

ประเภทของ Featured Snippets

โดยทั่วไป Featured Snippets จะแสดงได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็สัมพันธ์กับ “วิธีเขียนคอนเทนต์” ของเราโดยตรง

  • Paragraph Snippet

Featured Snippets คืออะไร

เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุด Google จะดึง “ย่อหน้าสั้นๆ” ที่อธิบายคำตอบชัดๆ ไปแสดง เช่น นิยาม, ความหมาย, สรุปสั้นๆ 1–3 ประโยค

ตัวอย่างคำค้นที่มักขึ้น Paragraph Snippet เช่น

  • “Featured Snippets คืออะไร”

  • “SEO คืออะไร”

  • “Search Intent คืออะไร”

ถ้าอยากมีโอกาสติดแบบ Paragraph แนะนำให้เขียนย่อหน้าอธิบายสั้นๆ ชัดๆ ต่อท้ายหัวข้อ เช่น “คืออะไร”, “คืออะไรและสำคัญอย่างไร” เป็นต้น

  • List Snippet

Featured Snippets คืออะไร

เป็น Featured Snippet ที่แสดงผลในรูปแบบ “รายการ” (List) ซึ่งอาจจะเป็นแบบตัวเลข (1, 2, 3…) หรือเป็น Bullet ก็ได้ เหมาะกับคอนเทนต์ที่เป็น:

  • ขั้นตอนการทำอะไรบางอย่าง

  • วิธีการใช้งาน

  • ลิสต์เทคนิค / ทิปส์ / เคล็ดลับ

  • สูตร หรือรายการสิ่งที่ต้องเตรียม

เช่น คำค้นว่า “วิธีเขียนบล็อกให้ติด SEO” ถ้าบทความของคุณมีโครงสร้างชัดเจน แบ่งหัวข้อเป็นข้อๆ ก็มีโอกาสถูกดึงไปเป็น List Snippet ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าคุณใช้โครงสร้างหัวข้อแบบ Heading Tags H2 / H3 อย่างเป็นระบบ

  • Table Snippet

Featured Snippets คืออะไร

เหมาะกับข้อมูลที่เปรียบเทียบกัน เช่น

  • ราคา

  • อัตราดอกเบี้ย

  • ขนาด / น้ำหนัก / ปริมาตร

  • ตารางเปรียบเทียบแพ็กเกจ หรือฟีเจอร์

ถ้าในหน้าเว็บของคุณมีตารางข้อมูลอยู่แล้ว Google สามารถดึงบางส่วนไปแสดงเป็น Table Snippet ได้เลย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจข้อมูลได้ทันที

  • Video Snippet

กรณีที่คำตอบเหมาะจะอธิบายด้วยวิดีโอ เช่น

  • วิธีทำอาหาร

  • วิธีติดตั้งโปรแกรม / แอป

  • วิธีประกอบเฟอร์นิเจอร์

  • How-to ต่างๆ ที่ดูเป็น Step-by-step

Google สามารถดึงบางช่วงเวลาของวิดีโอนั้นมาแสดงเป็น Video Snippet พร้อมไทม์โค้ด เพื่อให้ผู้ใช้กดเข้าไปดูตรงช่วงสำคัญได้ทันที

  • E-Commerce / Product Snippet

Featured Snippets คืออะไร

เป็นการแสดงข้อมูลสินค้าแบบสั้นๆ ในพื้นที่ด้านบนผลการค้นหา เช่น:

  • หน้าสินค้าจากหลายแพลตฟอร์ม

  • ราคา / รีวิว

  • รูปสินค้า

มักจะปรากฏเมื่อคำค้นมีความเป็นเชิงพาณิชย์สูง และเว็บไซต์มีการเตรียมข้อมูลเชิงเทคนิค เช่น Schema Markup และข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วน

Featured Snippets มีข้อดีอย่างไร และส่งผลอย่างไรต่อการทำ SEO

Featured Snippets คืออะไร

1. เพิ่มโอกาสคลิกเข้าเว็บไซต์ (CTR) แม้มี Zero-click Search

แม้บางครั้งผู้ใช้จะได้คำตอบจาก Featured Snippet เลยโดยไม่ต้องคลิกเข้าเว็บ (เรียกว่า Zero-click Search) แต่โดยรวมแล้วการติด Featured Snippet ก็ยังช่วยเพิ่ม CTR (Click-through Rate) ได้ เพราะ:

  • เว็บของคุณอยู่ตำแหน่งเด่นที่สุด (เหนืออันดับ 1)

  • ชื่อแบรนด์ / โดเมนถูกมองเห็นชัด

  • ผู้ใช้จำนวนหนึ่งยังคลิกเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ดี

โดยเฉพาะถ้าคำตอบในกล่องยังไม่ละเอียดพอ ผู้ใช้มักจะคลิกเข้าเว็บที่ได้ Featured Snippet ก่อนเว็บอื่นเสมอ

2. เพิ่มโอกาสติดอันดับบนสุด โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา

การได้ Featured Snippet เปรียบเหมือนคุณได้ “Top Placement” แบบฟรีๆ โดยไม่ต้อง
ซื้อโฆษณาผ่าน Google Ads

ในหลายเคส เว็บไซต์ที่ติด Featured Snippet มักจะอยู่ในกลุ่มอันดับ 1–5 อยู่แล้ว แต่การได้พื้นที่ Answer Box เพิ่ม ทำให้กินพื้นที่หน้าจอมากขึ้น โดยเฉพาะบนมือถือ ซึ่งช่วยดันโอกาสคลิกได้มากขึ้นไปอีก

3. เสริมความน่าเชื่อถือ และช่วยสร้าง Branding

เพราะ Google เลือกดึงคอนเทนต์จากเว็บที่มองว่า “น่าเชื่อถือและตอบคำถามได้ดีที่สุด” การที่ชื่อแบรนด์ของคุณถูกแสดงใน Featured Snippet จึงช่วย:

  • สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ค้นหา

  • ทำให้คนคุ้นโลโก้ / ชื่อแบรนด์มากขึ้น

  • สะสมการรับรู้แบรนด์ในระยะยาว

ยิ่งถ้าบทความของคุณมีคุณภาพสอดคล้องกับหลัก E-E-A-T และมีการสร้างแบ็กลิงก์คุณภาพเข้ามา ก็ยิ่งมีโอกาสที่ Google จะมองเว็บคุณเป็นแหล่งข้อมูลหลักในหัวข้อนั้นๆ

ทำไมปี 2026 ยังควรสนใจ Featured Snippets อยู่?

ในช่วงหลัง Google เริ่มทดลองแสดงผลแบบ AI Overviews มากขึ้น ทำให้บางเคส Featured Snippets ปรากฏน้อยลง แต่จากข้อมูลและการทดสอบหลายแหล่ง ก็ยังพบว่า:

  • Featured Snippets ยังคงแสดงสำหรับคำถามที่ต้องการคำตอบสั้นๆ ชัดๆ

  • เว็บที่ได้ Featured Snippet ยังคงได้ Visibility สูงมากบนหน้าจอ

  • หลักการปรับคอนเทนต์ให้ตอบคำถามแบบกระชับ ชัดเจน และมีโครงสร้างดี ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อ SEO โดยรวมอยู่ดี

ดังนั้น การ Optimize เพื่อให้คอนเทนต์ “พร้อมที่จะเป็น Featured Snippet” ก็เท่ากับคุณกำลังทำคอนเทนต์ให้

  • อ่านง่าย

  • ตอบคำถามตรงจุด

  • มีโครงสร้างดี รองรับทั้ง Google และ AI/LLM

ไปพร้อมๆ กันค่ะ

ทำอย่างไรให้บทความมีโอกาสติด Featured Snippets

Featured Snippets คืออะไร

แม้ Google จะไม่มีสูตรตายตัวในการเลือก Featured Snippets แต่จากประสบการณ์และข้อมูลที่รวบรวมได้ มีแนวทางที่ช่วยเพิ่มโอกาสได้ดังนี้

1. เข้าใจ Search Intent และตั้งหัวข้อแบบ “คำถามจริงๆ”

Featured Snippets มักโผล่กับคำค้นที่เป็นคำถามหรือคำอธิบาย เช่น

  • “…คืออะไร”

  • “วิธี…ยังไง”

  • “ข้อดีข้อเสียของ…”

ลองวิเคราะห์ คีย์เวิร์ด ให้ครอบคลุมทั้งคีย์เวิร์ดหลัก และคีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่เป็นประโยคใกล้เคียงคำถามที่คนพิมพ์ลง Google จริงๆ แล้วนำมาตั้งเป็นหัวข้อย่อยในบทความ

ตัวอย่างเช่น

  • “Featured Snippets คืออะไร”

  • “ทำยังไงให้ติด Featured Snippets”

  • “Featured Snippets ส่งผลต่อ SEO ยังไง”

2. ใช้โครงสร้าง Heading Tags ให้เป็น

Google อ่านโครงสร้างหน้าเว็บผ่าน Heading Tags ดังนั้นการจัดระเบียบหัวข้อให้ดีจะช่วยให้ Google เข้าใจว่า “ย่อหน้าไหนคือคำตอบหลัก” ได้ง่ายขึ้น

คุณสามารถออกแบบโครงสร้างให้อ่านง่ายตามหลัก Heading Tags H1, H2, H3 เช่น

  • H1: Featured Snippets คืออะไร? ทำยังไงให้ติดอันดับ 0 บน Google

  • H2: Featured Snippets คืออะไร

  • H2: ประเภทของ Featured Snippets

  • H2: Featured Snippets มีข้อดีอย่างไร…

  • H2: ทำอย่างไรให้บทความมีโอกาสติด Featured Snippets

แล้วในแต่ละ H2 ก็เขียนย่อหน้าคำตอบสั้นๆ ต่อทันที ทำให้ Google ดึงไปเป็น Paragraph หรือ List Snippet ได้ง่ายมาก

3. เขียน “คำตอบสั้นๆ” ต่อจากหัวข้อให้ชัดเจน

เทคนิคสำคัญของการลุ้น Featured Snippet คือ

หลังหัวข้อที่เป็นคำถาม ให้เขียน “ย่อหน้าคำตอบสรุป” ยาวประมาณ 40–60 คำ ที่ตอบคำถามตรงๆ ก่อน แล้วค่อยอธิบายละเอียดต่อด้านล่าง

เช่น หลังหัวข้อ “Featured Snippets คืออะไร” ให้เริ่มย่อหน้าแรกแบบตรงๆ ว่า

Featured Snippets คือกล่องคำตอบพิเศษบนหน้าผลการค้นหา Google ที่จะแสดงคำตอบสั้นๆ จากหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในตำแหน่งด้านบนสุดของผลการค้นหา หรือที่หลายคนเรียกว่า อันดับ 0 (Zero Position)

ลักษณะประโยคชัดๆ แบบนี้ทำให้ Google เข้าใจได้ง่ายว่า “นี่คือคำตอบ” และมีโอกาสดึงไปแสดงใน Answer Box มากขึ้น

4. ใช้รูปแบบ List และ Table ให้เหมาะกับข้อมูล

ถ้าคอนเทนต์ของคุณพูดถึง:

  • ขั้นตอน (Step-by-step)

  • เทคนิคหลายข้อ

  • การเปรียบเทียบตัวเลือก

  • ตัวเลข / ราคา / ตาราง

ลองจัดข้อมูลให้เป็นลิสต์หรือเป็นตาราง อ่านง่าย เป็นระบบ สิ่งนี้ช่วยทั้งผู้อ่าน และเครื่องมือค้นหา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ข้อมูลถูกดึงไปเป็น List Snippet หรือ Table Snippet ได้ด้วย

5. เสริม Structured Data และ Rich Snippets

แม้ Featured Snippets ไม่ได้ใช้แค่ Structured Data ในการตัดสิน แต่การวางโครงสร้างข้อมูลให้ชัดเจนด้วย Structured Data และ Rich Snippets ก็ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ดีขึ้น

โดยเฉพาะคอนเทนต์แบบ

  • How-to

  • FAQ

  • Review / Rating

  • Product

เมื่อ Google เข้าใจหน้าเว็บคุณได้ดีแล้ว ก็มีโอกาสสูงขึ้นที่จะเลือกคอนเทนต์ของคุณไปใช้ทั้งในรูปแบบ Snippet และใน AI/LLM อื่นๆ

6. โฟกัสที่ “คุณภาพของคอนเทนต์” ไม่ใช่แค่จำนวนคำ

คอนเทนต์ที่มีโอกาสติด Featured Snippets มักมีลักษณะร่วมกันคือ

  • ให้ข้อมูลถูกต้อง ทันสมัย

  • ตอบคำถามหลักได้ชัดเจนภายในสั้นๆ

  • มีรายละเอียดเชิงลึกสำหรับคนที่อยากอ่านต่อ

  • เขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่วกวน

จำนวนคำไม่จำเป็นต้องเยอะมาก แต่ควรครบและตรงจุด ซึ่งโยงกลับไปที่หลักการทำคอนเทนต์แบบ เขียนบล็อกให้รองรับ SEO คือเขียนเพื่อ “คนอ่านจริงๆ” ก่อน แล้วค่อยเติมลูกเล่นด้านเทคนิคตามทีหลัง

บทส่งท้าย

สุดท้ายแล้วหลักการของ Featured Snippets ก็เรียบง่ายมากค่ะ คือ

ถ้าหน้าเว็บของคุณช่วย Google “ตอบคำถามของคนค้นหาได้ดีที่สุด”
Google ก็มีเหตุผลดีๆ ที่จะเลือกคุณขึ้นไปโชว์ในอันดับ 0

การจะไปถึงจุดนั้นได้ ต้องทำทั้ง

  • การวางคีย์เวิร์ดให้ครอบคลุมคำถามและ Long-tail

  • การจัดโครงสร้างหัวข้อให้อ่านง่ายทั้งคนและบอท

  • การเขียนคำตอบสั้นๆ ชัดเจน ต่อจากหัวข้อสำคัญ

  • การเสริมโครงสร้างทางเทคนิคอย่าง Schema / Rich Snippets ที่จำเป็น

ถ้าคุณอยากให้ทีมผู้เชี่ยวชาญช่วยดูทั้งเรื่องคอนเทนต์ โครงสร้างเว็บ และโอกาสในการติด Featured Snippets พร้อมๆ กับดันอันดับคีย์เวิร์ดหลักให้โตไปด้วยกัน สามารถคุยกับทีมเอเจนซี่รับทำ SEO Search Studio และเลือกบริการทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณได้เลยค่ะ

Featured Snippets ต่างจาก Rich Snippets ยังไง?

Featured Snippets คือกล่องคำตอบพิเศษที่ Google ดึง “ส่วนหนึ่งของคอนเทนต์” จากหน้าเว็บมาแสดงในตำแหน่งอันดับ 0 เพื่อ “ตอบคำถาม” ของผู้ใช้ให้จบในหน้า SERP เลย ขณะที่ Rich Snippets จะเป็นการเสริมข้อมูลพิเศษให้ผลการค้นหาปกติ เช่น ดาวรีวิว ราคา Breadcrumbs หรือ FAQ โดยอาศัยโครงสร้างข้อมูลอย่าง Structured Data และแท็กอย่าง Schema Markup เพื่อช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้นและแสดงผลในรูปแบบที่ดึงดูดสายตามากขึ้น ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ได้ขัดแย้งกันค่ะ

ถ้าเว็บยังไม่ติดหน้าแรกของ Google มีโอกาสติด Featured Snippets ไหม?

โดยส่วนใหญ่แล้ว หน้าเว็บที่ถูกเลือกไปเป็น Featured Snippets มักจะอยู่ในกลุ่มอันดับ 1–10 ของคีย์เวิร์ดนั้นๆ อยู่ก่อนแล้ว เพราะ Google ต้องมั่นใจในคุณภาพคอนเทนต์และความน่าเชื่อถือของเว็บ ดังนั้นถ้าเว็บยังไม่ติดหน้าแรกเลย โอกาสจะได้ Featured Snippet ก็จะน้อยลงไปด้วย การปรับทั้งโครงสร้างเว็บ คอนเทนต์ และทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก จึงเป็นพื้นฐานสำคัญ ก่อนจะไปลุ้นตำแหน่งพิเศษอย่างอันดับ 0 ต่อค่ะ

จะรู้ได้ยังไงว่าบทความของเราติด Featured Snippets คีย์เวิร์ดไหนบ้าง?

วิธีง่ายที่สุดคือ “ลองค้นเอง” บน Google ด้วยคีย์เวิร์ดเป้าหมาย แล้วดูว่ามีกล่องคำตอบพิเศษ (Answer Box) ที่ดึงเนื้อหาจากเว็บเราหรือไม่ นอกจากนี้ยังสามารถใช้รายงาน Performance ใน Google Search Console เพื่อดูคีย์เวิร์ดที่มี Impression และ CTR สูงผิดปกติ หรือใช้คู่กับ เครื่องมือเช็กอันดับเว็บไซต์ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงอันดับและรูปแบบการแสดงผลบน SERP ซึ่งช่วยให้เรารู้ได้คร่าวๆ ว่าหน้าไหนเริ่มได้ Visibility จากตำแหน่งพิเศษมากขึ้นบ้าง

การติด Featured Snippets ต้องใช้ Schema เสมอไปไหม?

ไม่จำเป็นต้องมี Schema ถึงจะติด Featured Snippets แต่การใช้ Schema Markup และโครงสร้างข้อมูลที่ดีด้วย Structured Data ช่วยให้ Google เข้าใจประเภทของเนื้อหาบนหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่เป็น How-to, FAQ, Review หรือ Product ซึ่งส่งผลดีต่อทั้งโอกาสแสดง Rich Results และการเลือกใช้ข้อมูลบางส่วนไปเป็น Featured Snippets ได้ในอนาคต ยิ่งหน้าเว็บชัดเจนทั้งในมุมคนอ่านและในมุมบอต ยิ่งมีโอกาสถูกเลือกสูงขึ้นค่ะ

Written By

เมย์เริ่มงานสาย Online Marketing มาได้มาได้มากกว่า 3 ปีแล้ว และยังคงศึกษางาน SEO และ Online Marketing ต่อไป ด้วยเป็นเด็กสายวิทย์ที่ชอบการอ่านมากกว่าฟัง ชอบวิเคราะห์ มีความขี้สงสัยและต้องค้นหาเหตุผลให้เจอ ยังคงหลงใหลในศิลปะการทำอาหาร สุดท้ายแล้วขอให้แมวจรทุกตัวมีบ้านค่ะ
Views
Related Article

รับคำปรึกษา
SEO ฟรี!

ตรวจสถานะ SEO ของเว็บไซต์ของคุณ ฟรี พร้อมคำแนะนำจาก SEO Specialist ของเรา มูลค่า 35,000 บาท

มีจำนวนจำกัด เท่านั้น ติดต่อเราเลย

Let’s talk

Got an idea in your mind? Pop your info into our form
and we will get back to you shortly.